วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรา (ผู้เชื่อ) ยังเป็นคนบาป … จริงหรือ ?

เรา (ผู้เชื่อ) ยังเป็นคนบาป … จริงหรือ ?
เคยมีใครสงสัยบ้างไหมครับว่า เราที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ เป็นคริสเตียนหรือเชื่อพระเจ้าแล้ว ยังเป็นคนบาปอยู่ไหม หลายคนอาจจะตอบด้วยความมั่นใจว่า “ไม่บาป” แต่เพราะเหตุใดหลายครั้งเราได้ยินคำอธิษฐาน หรือได้ยินคำอธิษฐานว่า “โอ้ว...ข้าพระองค์เป็นคนบาป” หรือประโยคที่ว่า “มนุษย์เป็นคนบาปและไม่สมบูรณ์”

แน่นอนว่ามนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป รม. 5:19 เพราะว่าคนจำนวนมากเป็นคนบาป เพราะคนคนเดียวที่ไม่เชื่อฟังอย่างไร คนจำนวนมากก็เป็นคนชอบธรรม เพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังอย่างนั้น

พระวจนะบันทึกชัดเจนว่า ความบาปมาจากการที่ไม่เชื่อฟังของมนุษย์คู่แรก แต่คนบาปในที่นี้คือ มนุษย์ที่ยังไม่เชื่อพระเจ้า และการไม่สมบูรณ์นั้นก็ไม่มีใครสมบูรณ์เลยนอกจากพระเยซู

รม. 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา

ดังนั้นทำไมเรายังอธิษฐานว่า “เราเป็นคนบาป” อยู่มันไม่ได้หมายถึงความถ่อมใจ หรือโอ้อวดเลย เพราะเราไม่ได้เป็นคนบาปแล้วเมื่อเราต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิต เราก็ถูกชำระให้ชอบธรรม เราจึงไม่สามารถอวดได้เลยเพราะไม่ได้เป็นมาจากความประพฤติและความพยายามของเราเอง

รม. 3:20 เพราะว่าในสายพระเนตรของพระเจ้า ไม่มีใครถูกชำระให้ชอบธรรมได้ โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าธรรมบัญญัตินั้นทำให้เรารู้จักบาป
รม. 4:2 ถ้าอับราฮัมถูกชำระให้ชอบธรรมโดยการประพฤติ ท่านก็มีทางที่จะอวดได้ แต่ไม่ใช่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
รม. 5:1 เพราะฉะนั้น เมื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมโดยความเชื่อแล้ว เราจึงอยู่อย่างสงบสุขเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
พระเจ้าชำระเราให้เป็นคนชอบธรรม ดังนั้นการเป็นคนชอบธรรมเราจึงไม่ได้เป็นคนบาปอีกต่อไป แม้จะไม่สมบูรณ์ผิดพลาดและกลับไปทำบาปอีกบางครั้ง
1คร. 1:30 โดยพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระปัญญาจากพระเจ้าสำหรับเรา ทรงเป็นผู้ทำให้เราชอบธรรม ทรงเป็นผู้ชำระเราให้บริสุทธิ์ และทรงเป็นผู้ไถ่บาป

จากพระวจนะ เราถูกชำระให้เป็นคนชอบธรรม ความชอบธรรม คือ การเชื่อในพระเยซู คำว่า
“tzedakah" มาจาก Tzedek ซึ่งหมายความว่า "ความชอบธรรม" (หรือ "ความเที่ยงธรรม") ความหมายของ "ความชอบธรรม" ที่จะนำผู้ที่เชื่อในพระเยซูที่จะดำเนินถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่ด้วยการพยายามทำตามกฎหมายหรือบัญญัติ แต่เป็นไปตามหลักการที่ถูกของกฎหมายเพื่อให้ทุกสิ่งที่มีอยู่ที่ซึ่งเป็นดั่งพระทัยของพระเจ้า

ชำระให้บริสุทธิ์ คือ ไม่ใช่ความหมดจด สะอาดแบบผ้าขาว แต่ ภาษาฮีบรู “คาโดช” การการแยกไว้เพื่อพระเจ้าโดยเฉพาะ สำหรับพระเจ้าเท่านั้น

และการไถ่บาป นี่ไม่ใช่ของขวัญฟรี ๆ แต่พระองค์จ่ายชีวิตเพื่อเราด้วยเลือดของพระองค์ ซื้อเราด้วยราคาอันสูงจากการเป็นทาสของบาป
1คร. 6:20 เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด
1คร. 7:23 พระเจ้าทรงซื้อพวกท่านด้วยราคาสูง อย่าเป็นทาสของมนุษย์เลย

ก่อนหน้านี้มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปและทำความบาปจึงเป็นทาสของบาป
ยน. 8:34 พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ทุกคนที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป

พระเยซูกำลังเตือนเราว่า ใครก็ตามที่ได้รับใช้ความบาปก็กลายเป็นทาสของความบาป โดยไม่รู้ตัว หรืออาจจะรู้ตัว คำว่าทาส “slave” หมายถึง  syn:{ขี้ข้า}(ทาสา){ทาสี}{ไพร่}{ข้ารับใช้}{ข้าทาส}{บ่าว}
def:[ผู้ที่อุทิศตนแก่สิ่งที่เลื่อมใสศรัทธา, ผู้ที่ยอมตนให้ตกอยู่ในอำนาจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง]
sample:[ปัจจุบัน เด็กวัยรุ่นตกเป็นทาสของยาเสพย์ติด ในรูปแบบต่างๆ มากมาย]

ทาสจะได้รับการตีตราว่าคนนี้เป็นทาส เช่นเดียวกัน มนุษย์ถูกตีตราว่าเป็นคนบาปตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเกิดมาเสียอีก นี่ต่างหากคือคนบาป เป็นการ “ตีตราบาป” กับมนุษย์ในโลกที่เกิดมาทุกคนมันเป็นรอยแผลเป็นที่ลบไม่ได้ นอกเสียจากการไถ่ซื้อด้วยโลหิตของพระเยซู

รม. 6:16 พวกท่านไม่รู้หรือว่าถ้าท่านยอมตัวรับใช้เชื่อฟังใคร ท่านก็เป็นทาสของผู้ที่ท่านเชื่อฟังนั้น คือเป็นทาสของบาปซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือเป็นทาสของการเชื่อฟังซึ่งนำไปสู่ความชอบธรรม?
รม. 6:18 เมื่อท่านทั้งหลายพ้นจากบาปแล้ว ท่านก็ได้เป็นทาสของความชอบธรรม

คำว่าทาสของความชอบธรรม คือเมื่อเราถูกซื้อด้วยราคาอันสูง เราจึงเป็นของพระเยซู รับการตีตราความชอบธรรม และตราความชอบธรรมนี้ไม่ใช่หายไปได้ตีแล้วตีเลย ประทับแล้วประทับเลยแม้เราจะไม่สมบูรณ์แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำเราและสอนเรา

ดังนั้นการทำบาป ในความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ ไม่ได้หมายความว่า “เป็นคนบาป” ในภาษาอังกฤษ “We are sinners” กับ “We were sinners” ซึ่งเป็นเรื่องของไวยากรณ์ไม่มีการเปลี่ยน Verb หรือ Verb to be นั่นหมายความว่า การเป็นคนบาป กับ เคยเป็นคนบาปนั้นมีความแตกต่างกัน หรือ I am a sinner กับ I was a sinner

เราจึงต้องแยกระหว่างตัวเก่า และตัวใหม่ตัวเก่าคือคนบาปนั้นได้ตายไปแล้ว และเรามีตัวใหม่

รม. 6:6 เรารู้แล้วว่า คนเก่าของเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป และเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป

บัดนี้เราถูกตีตราความเป็นเจ้าของโดยพระเยซูคริสต์แล้ว อีกมุมหนึ่งพระคัมภีร์ใช้คำว่าทาสของความชอบธรรม เป็นคนของพระเจ้าเป็นทาสที่สัตย์ซื่อของพระองค์

1คร. 6:19 ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่า ร่างกายของพวกท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในท่าน ผู้ซึ่งพวกท่านได้รับจากพระเจ้า และท่านทั้งหลายไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง?

กท. 6:17
ตั้งแต่นี้ไป ขออย่าให้ใครมารบกวนข้าพเจ้าเลย เพราะว่าข้าพเจ้ามีรอยประทับตราของพระเยซูติดอยู่ที่กายของข้าพเจ้าแล้ว

หากเรายังเชื่อว่าตัวเองเป็นคนบาปอยู่การตายของพระคริสต์จะมีประโยชน์อะไร หากเราไปประกาศข่าวประเสริฐว่า พระเยซูมาช่วยไถ่เราจากความบาป และหากเขาเชื่อในพระเจ้าแล้ว เขายังรู้ว่าตัวเองเป็นคนบาปอยู่ การมารับเชื่อพระเยซู จะได้อะไร

ดังนั้นเราจึงไม่ใช่คนบาป เมื่อเราพูดหรืออธิษฐาน ให้เราตระหนักว่า เราไม่ใช่คนบาปแม้จะเคยเป็นคนบาปมาก่อน

ชาโลม
ktm.Emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น