การลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลาย ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์
รม. 8:1 เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลาย ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลาย ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ หากเราหยิบเพียงบริบทของพระคัมภีร์ตอนนี้ข้อเดียวมาใช้ ก็อาจจะตีความว่า เพียงแค่เชื่อพระเจ้าไปโบสถ์หรือคริสตจักรก็เพียงพอแล้ว ดีแล้ว และไม่ต้องโดนลงโทษจากพระเจ้าเพราะเรา “อยู่ในพระคริสต์” แต่ในบางต้นฉบับ มีต่อว่า "คนที่ไม่เดินตามเนื้อหนัง (แต่ตามพระวิญญาณ)"
ในฉบับ KJV รม. 8:1 เหตุฉะนั้นบัดนี้การปรับโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ
การลงโทษ หรือการปรับโทษ ธรรมบัญญัติทำให้เราเห็นความบาป เพราะธรรมบัญญัติชี้ว่าสิ่งไหนบาป และไม่บาป คำสำคัญในตอนนี้คือ "อยู่ในพระคริสต์"
เป็นที่รู้กันว่า พระเยซูคริสตคือ ธรรมบัญญัติที่มีชีวิต พระองค์ไม่ได้มาลบล้างหรือทำแทน แต่มาเพื่อสอนให้ดำเนินตาม มาเพื่อแยกให้เห็นว่าคำสอนไหนที่ถุกเพิ่มเติมเข้าไปโดยมนุษย์จนกลายเป็นแอก พระองค์ตรัสว่า แอกของเราก็เบา จงแบกและตามเรามา ก่อนนี้มนุษย์พยายามทำตามบัญญัติและก็ล้มลงด้วยเนื้อหนังและธรรมชาติบาป แต่บัดนี้ (ใน) พระเยซู เรารอดและดำเนินตามธรรมบัญญัติโดยธรรมชาติ ไม่ใช่การท่องจำ กล้ำกลืนฝืนทน ดังนั้น การปรับโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ
ผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งที่อยู่ภายในเราเมื่อพระเยซูเสด็จจากโลกนี้ไป นั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณ เป็นหนึ่งเดียวกันและสอนการดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติภายในเรา
พระเยซูแสดงให้เห็นภาพหนึ่งในหลายๆเรื่อง คือพระองค์ยังคงสอนบัญญัติ 10 ประการอย่างครบถ้วนและบัญญัติอื่น ๆ พระองค์ไม่ได้มาทำแทนแล้วจากไป แต่มาสอนให้ดำเนินตามนั้นทุกประการ พระเยซูไม่ได้ท่องแบบฟาริสี ข้อ 1-10 และคอยจับผิดคนอื่น แต่พระองค์ตระเวณสอนอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่เป็นภาระ
รม. 8:3 เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้มันอ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าได้ทรงทำแล้ว โดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์เองมา ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป และเพื่อไถ่บาป พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงลงโทษบาป
เพราะสิ่งที่ธรรมบัญญัติไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเองคือเอาชนะความบาปไม่ได้ หากมนุษย์ไม่ปฏิบัติ เพราะเดิมธรรมบัญญัติไม่มีอำนาจที่จะทำให้ธรรมชาติเก่า (ที่สามารถค้านกับธรรมบัญญัติ) ร่วมมือได้ พระยาห์เวห์จึงส่งพระบุตรของพระองค์เองในฐานะมนุษย์ที่ได้อยู่ในธรรมชาติเดียวเช่นเดียวกับเรา (ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป) พระเจ้ากระทำเช่นนี้เพื่อที่จะจัดการกับความบาปและในการทำเช่นนั้นพระองค์ดำเนินการลงโทษต่อบาปในธรรมชาติของมนุษย์”
รม. 8:4 เพื่อสิ่งที่ธรรมบัญญัติสั่งไว้จะได้สำเร็จในตัวเราที่ไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ตามพระวิญญาณ
ในภาษาเดิม มีคำว่าชอบธรรม = เพื่อให้ความชอบธรรมของโทราห์ (ธรรมบัญญัติ) จะสำเร็จในเรา ที่ไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แต่การดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ ไม่ได้หมายถึงเสรีภาพและจุดจบของธรรมบัญญัติแบบที่หลายคนเข้าใจ หรือ “เพียงเพื่อให้ความต้องการ (ความประสงค์ เป้าหมาย) ของธรรมบัญญัติ จะสำเร็จในเราที่ไม่ได้เรียกใช้ชีวิตของเรา ตามสิ่งที่ธรรมชาติเก่าของเราต้องการ แต่ตามสิ่งที่พระวิญญาณต้องการ”
ฮบ. 10:16 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเขาทั้งหลาย หลังจากสมัยนั้น เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในจิตใจของพวกเขา”
และนี่คือการดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ ที่จะนำเราเดินในธรรมบัญญัติ องค์ยาชูวาห์ (พระเยซู)
มธ. 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก
แอก = คำสอน หรือธรรมบัญญัติของพระเจ้า รวมถึงคำสอนของพระเยซู และการดำเนินชีวิตในพระวจนะที่เป็นบทเรียนคำสอน
จิตใจ = จิตวิญญาณ , จิตวิญญาณจะได้พักผ่อน ไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไปในการทรงนำของพระองค์
มธ. 11:30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
“แอกของพระองค์เป็นเรื่องง่าย และภาระของพระองค์ก็เบา” เพียงเรามีความเชื่อและเดินไป ไม่ทำตามใจปรารถนาของเนื้อหนัง
พระเยซูไม่ได้มาลบล้างพันธสัญญาเดิม เพราะกษัตริย์ไม่สามารถกลับคำได้ เมื่ออกคำสั่งและเซ็นสัญญาโดยตราประทับด้วยแหวนของพระองค์เอง ดังนั้น กษัตริย์จึงออก ‚Renewed Decree‛ เป็นการเริ่มพระราชกฤษฎีกาใหม่ ซึ่งพระราชกฤษฎีกาใหม่ไม่ได้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเก่า หรือเดิม พระเยซู ทรงเสด็จมาเพื่อ เพื่อต่ออายุ สร้าง และซ่อมแซม รื้อฟื้น
รม. 8:1 เหตุฉะนั้นบัดนี้การปรับโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ จึงหมายถึง ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น