วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย

 เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย
1คร. 13:11 เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย

เด็กย่อมเป็นเด็ก เมื่อเด็กอยากได้ของเล่นก็จะมีเหตุผลอย่างเด็ก ดังนั้นเด็กจึงต้องมีผู้ใหญ่ดูแลและเป็นผู้ปกครอง ผู้เชื่อที่เด็กก็มีนิสัยอย่างเด็ก พูดอย่างเด็ก แม้ฝ่ายร่างกายจะโตหรืออายุมากแล้ว แต่ยังทำตัวเหมือนเด็ก เด็กมักฟังผู้ใหญ่ ดังนั้นหากผู้ใหญ่ที่ดูและเด็ก ใจเป็นเด็กด้วย ก็จะพากันเล่นซนเหมือนอย่างเด็ก ๆ ที่เล่นกองทรายที่ชายหาดริมทะเล คือก่อกองทรายขึ้นมา จินตนาการว่าเป็นพระราชวังใหญ่โต จินตนาการให้ตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เป็นมหาเศรษฐี เป็นพระเอก เมื่อฝนตก ลมพัดกองทรายก็พังทรายลง แต่เด็กก็มักนำมาวาดฝันใหม่ ความฝันที่จะเป็นพระราชาในพระราชวังยังคงไม่จบสิ้นไป

เด็กมักใคร่ครวญอย่างเด็ก ไม่ได้มองไปไกล และเชื่อฟังผู้ใหญ่ ถ้าผู้ใหญ่มีใจเป็นเด็ก สอนอะไรไปเด็กก็จำแบบนั้น สอนให้กลัวเด็กก็จะกลัว สอนให้เพ้อฝันเด็กก็จะเพ้อฝัน เมื่อดื้อก็ลงโทษและตีสั่งสอนให้อยู่ในบังคับบัญชา

พระเจ้าประสงค์ให้เรามีสติปัญญา มีพระวจนะที่เป็นแสงสว่าง เป็นโคมส่องเท้า เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย พระองค์ต้องการให้เราเป็นผู้ใหญ่ คริสตจักรมากมายสอนสมาชิกให้เชื่อฟังผู้นำ (เป็นสิ่งที่ดี) แต่ไม่ใช่เพื่อตอบสนองต่อตนเอง แต่ต้องนำคนไปถึงพระเจ้า การรู้พระวจนะจึงไม่ใช่เพียงฟังแต่ผู้นำในคริสตจักรสอน และเชื่อหมดทุกอย่าง เด็ก ๆ หากไม่เชื่อผู้ใหญ่ก็จะนำของเล่นมาล่อ และเด็กก็จะเพ้อฝันว่าของเล่นนั้นก็เพียงพอสำหรับตัวเขา

การฟังแค่คำสอนจากผู้นำคริสตจักรเป็นสิ่งที่ดี และสมควรจะเชื่อฟัง แต่ผู้เชื่อต้องนำมาย่อย วินิจฉัย ด้วยการใคร่ครวญ อธิษฐาน ย่อยคำสอน และอ่านพระวจนะเป็นประจำ

ดังนั้นการจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้ ไม่ใช่เพียงไปคริสตจักร นมัสการ รับใช้ ๆ ๆ แต่เราต้องรู้พระวจนะและใคร่ครวญ พระคัมภีร์ในพันธสัญญาเดิมบันทึกว่า ทั้งกลางวันและกลางคืน

สดด. 1:2 แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน

เราจะเห็นได้ว่า พระธรรมของพระเจ้า มีผลต่อชีวิตการเจริญเติบโต คือการรู้แจ้งเห็นจริง ความจริงคือความจริง อย่าให้ของเล่นแห่งจินตนาการมาล่อลวงเราได้ เพราะเราไม่ใช่เด็ก ที่โตเป็นผู้ใหญ่และจะไปนั่งก่อทรายและหวังจะเป็นพระราชา ไม่มานั่งปั้นดินน้ำมันและจินตนาการว่ามีรถหรูขับ

อย่างเป็นแต่เพียงผู้ฟังและเชื่อทำตามไปเสียทุกเรื่อง หูเบาไปเสียทุกอย่าง เพราะผู้ใหญ่ต้องหัดมีประสบการณ์ ศึกษาและเรียนรู้ด้วยตัวเอง เราจึงจะรู้ได้ว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรที่ค้านกับพระวจนะเราต้องยืนหยัด ยำเกรงพระเจ้า มากกว่าจะเกรงกลัวมนุษย์

ผู้ใหญ่สามารถที่จะมองไปข้างหน้าและแก้ไขปัญหาได้ มีความคิดมีเหตุและผลแบบผู้ใหญ่ แต่เด็กเล็ก ๆ ส่วนใหญ่ต้องการที่จะมีคนบอกว่าจะต้องทำในทุก ๆ เรื่องอย่างไรตลอดเวลาและทุก ๆ เรื่อง "แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย" เลิกอาการเด็ก ภาษาอังกฤษใช้คำว่า "childish" ที่แปลว่า ไร้เดียงสา เหมือนเด็ก อ่อนต่อโลก หรือ หน่อมแน้ม ไม่(รู้)ประสา

ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
ktm.Emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น