วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

คำเทศนา ฤทธิ์อำนาจ


เสาวภา ประเสริฐพร เทศนาเรื่อง "ฤทธิ์อำนาจ"
เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2011 ณ คริสตจักรธารพระพร

Saowapa Tum Prasertporn Preached about "About The Power"
in Sunday Morning service, on January 30, 2011, @Stream of Blessing church.
  
http://www.mediafire.com/?d7f9aa396u4srn9

วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

เรื่อง น้ำชาเขียว

คำหนุนใน  เรื่อง น้ำชาเขียว

วันหนึ่งนั่งดูรายการโทรทัศน์และมีการพูดถึงต้นทุนของราคาสินค้าหลายรายการ หนึ่งในนั้นคือน้ำชาเขียว ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งความจริงมันก็เหมือนกันเกือบทุกยี่ห้อนั่นแหละ รายนี้ได้นำข้อมูลและต้นทุนการผลิตน้ำชาเขียวมาเผยให้เราได้ดูกัน
ค่าวัตถุดิบใบชา น้ำ น้ำตาล และ กลิ่น รวมกันประมาณ 1.50 บาท ต่อ ขวด แต่เราต้องเราจ่าย 20 บาท นอกจากนี้ ข้อมูลต้นทุนชาเขียวมาเปรียบเทียบกับต้นทุนที่ผู้ประกอบการยื่นเข้า มาเพื่อเปรียบเทียบว่ามีการแจ้งข้อมูลเท็จจริงอย่างไร เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้า

สำหรับต้นทุนชา เขียวพร้อมดื่ม ตามที่ผู้ประกอบการยื่นมาให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณานั้น พบว่าโดยเฉลี่ยต้นทุนการผลิตชาเขียวพร้อมดื่ม ขนาดขวดละ 500 ซีซี มีต้นทุนประมาณ 8.50 บาท แบ่งเป็น
ค่าวัตถุดิบ เช่น ใบชา น้ำ น้ำตาล และ กลิ่น รวมกันประมาณ 1.50 บาท/ขวด
ค่าภาชนะบรรจุประมาณ 5 บาท/ขวด
ค่าใช้จ่ายการผลิต เช่น ค่าแรงงาน ไฟฟ้า ประมาณ 2 บาท/ขวด

สำหรับ ต้นทุนการผลิตชาเขียวของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งตลาดในขณะนี้ ได้แจ้งต้นทุนมาที่ 9.93 บาท แบ่งเป็น
ค่าวัตถุดิบ 2.33 บาท
ค่าภาชนะ 5.78 บาท
ค่าแรงงาน 0.71 บาท ค่าใช้จ่ายการผลิต 1.11 บาท
ยังไม่รวมค่าบริการการตลาด เช่น ค่าโฆษณา 4.31 บาท
เมื่อรวมต้นทุนทั้งหมดจะอยู่ที่ 14.24 บาท/ขวด

ที่เกริ่นมามากมายยาวขนาดนี้ ท่านไม่ได้เข้ามาอ่านผิดเว็บหรอกครับ ผมไม่มีเจตนาจะมาโจมตี หรือคุยเรื่องเศรษฐกิจ แต่ต้องการให้เราเห็นภาพว่าเราต้องจ่ายเงินไปขนาดไหนบ้าง

ครั้งหนึ่งที่ผมไม่รู้ข้อมูลนี้ ผมไปเที่ยวพักผ่อนและมีความกระหายน้ำมาก น้ำมีความสำคัญผมอาจจะเป็นลมได้ถาเหงื่อออกมากๆแล้วไม่ได้กินน้ำ ร้อนก็ร้อน แดดก็จัด เผอิญเหลือบสายตาไปเห็นร้านขายน้ำก็รีบวิ่งไปซื้อน้ำชาเขียวมาดื่มขวดหนึ่งราคา 20 บาท ผมไม่มีทางเลือกเลย แม้กระทั่งน้ำเปล่าก็ลักษณะคล้ายๆกัน ผมต้องซื้อขวดราคา 5 บาท และอื่นๆอีก13 บาทและไม่สามารถดื่มหรือกินได้ และเมื่อน้ำหมด ขวดก็หมดประโยชน์ กว่าจะรวมไปชั่งขายได้ก็ไม่กี่บาท ผมเคยสงสัยว่าทำไมเขาทำขวดสวยมาก แต่ดันดื่มไม่ได้ และต้องทิ้งไปในที่สุด
เราอาจจะขวนขวายหาหลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้เพื่อให้ตัวเองมีความสุข ชื่อเสียง เงินทอง รถ บ้าน หลายคนตั้งเป้าว่าจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ในชีวิตให้ได้ ไม่ใช่สิ่งผิดนะครับ แต่เราให้มันเป็นรูปเคารพเราหรือเปล่า นั่นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ความสนุกสนานเพลิดเพลินของโลกนี้อาจจะนำเราไปสู่ความบาป เราได้ความสุขชั่วคราวเพียงเล็กน้อย แต่แลกด้วยราคาที่แพงกว่าที่ได้รับ มันอาจจะไม่เกี่ยวกันเต็มๆกับเรื่องต้นทุนน้ำชาเขียว แต่ผมอยากให้เรารู้ว่า ค่าจ้างของความบาปคือความตาย

แต่พระเยซูมาให้เราเปล่าๆโดยไม่เสียอะไรเลย พระองค์เรียกร้องให้เรามาดื่มฟรีๆด้วยซ้ำ พระองค์เป็นน้ำแห่งชีวิต ที่หล่อเลี้ยงหัวใจ และให้ชีวิตใหม่
วิวรณ์ 22:17
พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า "เชิญมาเถิด" และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า "เชิญมาเถิด" และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย

เราไม่ต้องเสียเงินมหาโหดเพื่อรับน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต
เราไม่ต้องเสียเงินเท่าทุนเพื่อรับน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต
แต่เราได้รับน้ำนั้นฟรีๆเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต

เรามีทุกสิ่งได้ แต่อย่าแสวงหาจนสิ่งนั้นสำคัญมากกว่าที่จะแสวงหาพระเจ้า เราสนุกสนานในโลกนี้ได้แต่อย่านำตัวเองเข้าสู่ความบาป รูปเคารพของโลกนี้ความสุขต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน บนอะไรไว้ก็ต้องแก้บน  ขออะไรก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน อยากได้บุญก็ต้องทำบุญมากๆ
อยากเข้ากับเพื่อได้ ให้เพื่อนยอมรับ ก็ต้องเอาตัวเข้าไปทำแบบนั้น ดื่มเหล้าเบียร์ บุหรี่ เล่นการพนัน พูดจาภาษาโลก เราต้องระลึกเสมอว่า สิ่งที่เราต้องแลกกับสิ่งเหล่านั้นคือ ความสัมพันธ์ที่ออกห่างจากพระเจ้าไปเรื่อยๆ
เข้ามาหาพระองค์และรับน้ำนั้นโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย

ไม่ต้องเสียค่าขวดที่ดูสวยงาม ดูดีแต่เปล่าประโยชน์
แต่เราสามารถเข้าไปดื่มจากพระหัตถ์ของพระเจ้าและแช่อยู่กับพระองค์ได้เลย
เมื่อเรากระหาย โลกนี้มักมีสินค้าต่างๆมาล่อเราเสมอ ทั้งที่เรามีน้ำบริสุทธิ์ที่ดีและฟรี คือพระเยซูคริสต์
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

Dr.Jesus


บทความนี้เขียนขึ้นระหว่างที่ผมไม่สบาย คือมีอาการเจ็บคอไอทั้งคืนไม่หยุด มีคนแนะนำยามาหลายแบบแต่ก็ไม่หาย และก็ไม่อยากไปหาหมอด้วย เพราะกลัวจะเปลืองเงิน กลัวหมอจะทำอะไรกับเรา ซึ่งผมเองไม่ชอบการหาหมออยู่แล้ว สุดท้ายจำเป็นต้องไปหาหมอ เมื่อหมอถามอาการเสร็จก็ให้อ้าปากแล้วแหวกปากเรา เอาไม้ล้วงเข้าไปลึกๆ จนแทบจะอาเจียน ล้วงลึกมากเลย เสร็จแล้วหมอบอกว่า คอบวมมากและแดงด้วย คืออักเสบ ต่อมน้ำบวมด้วยเพราะไอเยอะ หมอจะจัดยาให้และให้เลิกกินยาตัวเก่าที่หาซื้อมากินเองซะ

เช่นเดียวกันหลายคนผมเชื่อเลยว่าคงไม่มีใครอยากเอานิ้วล้วงคอตัวเองเป็นแน่ ถ้าไม่มีควาจำเป็น ครั้งหนึ่งผมเอานิ้วล้วงคอเพื่อให้อาเจียนเนื่องจากอาหารเป็นพิษ หลังจากนั้นก็หายและโล่ง รู้สึกแย่ตอนล้วงแต่หลังจากนั้นก็ดีขึ้น

ในทางการแพทย์บางครั้งผมอาจจะไม่โดนแค่ไม้ตรวจคอ แต่บางคนอาจจะเคยเจอกับกล้องตรวจภายในที่ส่องเข้าไปในลำคอ เพื่อตรวจดูจุดต่างๆ โดยแพทย์จะใช้กล้องที่มีไฟติดที่ปลายสอดเข้าไปในจมูกหรือปากเพื่อตรวจจุดที่ต้องการ เมื่อพบอาการผิดปกติเพื่อจะแก้ไขและรักษาได้ทัน แน่นอนมันต้องรู้สึกอึดอัดและไม่อยากทำแบบนี้เลย

ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราก็เช่นเดียวกัน บางครั้งเรารู้ว่าเราป่วย ไม่สบายฝ่ายวิญญาณแต่เราก็ยังปล่อยให้มันเรื้อรังต่อไปไม่คิดจะรักษาให้หาย หรือพยายามรักษาด้วยตนเอง พึ่งพาตนเอง ความรู้ตัวเองสุดท้ายเราก็ยังไม่หาย แต่เราควรจะเข้าหาหมอ คือพระเยซู พระนมหนึ่งของพระองค์คือ เยโฮวาห์ ราฟา พระองค์เป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ ผมเชื่อว่าพระองค์ไม่ได้เป็นแพทย์ฝ่ายกายเนื้อหนังเท่านั้นแต่พระองค์เป็นแพทย์ฝ่ายวิญญาณด้วย
อพยพ 15:26 เพราะเราคือพระเจ้าแพทย์ของเจ้า
อุปกรณ์ของพระองค์คือ กล้องและมีดผ่าตัด เปรียบได้กับพระวจนะของพระองค์ พระคัมภีร์ ฮีบรูบอกเราว่า
ฮีบรู 4:12
เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆแทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย

เราต้องยอมให้พระวจนะของพระองค์บุรุกเข้าไปในที่ลับที่เรามองไม่เห็น เราอาจจะรู้สึกอึดอัด และกลัว เมื่อบาดแผลเราถูกเปิดเผยออกมา แต่เราต้องยอม เพราะอุปสรรคเหล่านี้ถ้าไม่กำจัดออกไปมันจะเป็นตัวขัดขวางในชีวิตของเราเอง อย่ากลัวและซ่อนมันเอาไว้ อย่ากลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับมัน พระองค์เป็นแพทย์ที่กำลังผ่าตัดเราพระองค์จะไม่ยอมให้เราเป็นอะไรแน่นอน
ยอห์น 3:20
เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาถึงความสว่าง ด้วยกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ
เราอาจจะไปไม่ถึงเป้าหมาย นิมิต หรือสิ่งที่เราหวังไว้เพราะอาการเจ็บป่วยที่อาจจะซ่อนอยู่ อย่าได้กลัวถ้ามันจะถูกเปิดเผยออกมา ใช้พระวจนะของพระเจ้าที่จะรักษาและเยียวยา การเอานิสัยเก่าๆ อดีตที่เจ็บปวด และเนื้อหนังโลกียวิสัยของโลกนี้ กระทั่งความคิดที่ไม่ใช่น้ำพระทัย และแน่นอนเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
จงยอมให้พระวจนะของพระเจ้าสอดส่องเข้าไป และทำการผ่าตัด นี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่เราจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เราต้องเชื่อในแพทย์ที่เก่งที่สุด นาม Dr.Jesus

ขอบคุณพระเจ้า ไม่ใช่เพราะการไม่สบาย แต่ในการไม่สบายนี้ทำให้ได้อ่านพระจนะของพระเจ้าจบไปหลายเล่มทีเดียว และเมื่อได้ใคร่ครวญ ผมเองก็ได้รับการเยียวยารักษาบางอย่างที่เราคิดไม่ถึงด้วยว่ามันจะเป็นอุปสรรค ถ้อยคำของพระเยซูถูกบันทึกไว้แล้ว เพียงแต่เราตองการหรือไม่ พระคัมภีร์เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดและเป็นหนังสือที่ถูกละเลยมากที่สุด หลายคนรู้สึกอึดอัด และยากที่จะอ่านถ้อยคำของพระเยซูนี้ แต่เชื่อเถอะในความอึดอัดและความดื้อของเรา มีการรักษาที่รอเราอยู่ ยอมให้พระองค์สอดส่องดูในชีวิตและทำการรักษาเราเสียแต่ตอนนี้
อ่านเรื่องเกี่ยวข้องกับพระวจนะได้ที่
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

ใครว่า 3G ยังไม่มา


ขณะที่นั่งเขียนบทความนี้อยู่ ทุกท่านโปรดทราบว่าประเทศไทยยังถกเถียงกันเรื่องประมูล 3G กันอยู่เลย หลายอดที่อยากจะใช้ไม่ได้ แต่ทำไงได้ เพราะนี่คือประเทศไทย
3G เป็นทุกอย่างที่ไปไหนมาไหนกับเราได้โดยเรามีมือถือรุ่นไฮเทคเพียงเครื่องเดียว เราสามารถทำได้เกือบจะทุกๆอย่าง ไม่ใช่แค่โทรเข้าโทรออกเพียงเท่านั้น

เราเองที่เชื่อในพระเจ้ากลับได้มีโอกาสที่จะใช้ 3G ก่อนใครๆ โลกนี้อาจจะบอกว่า ความรักเหมือน 3G ที่รู้ว่ามีแต่ยังมาไม่ถึง ในความเป็นจริงแล้ว ความรักมีมานานแล้วแต่เขาไม่เห็นและไม่รู้ ต่างหากล่ะ เขาแสวงหา พยายามที่จะได้มา ทำทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่พบ โลกจึงเต็มไปด้วยการขาดซึ่งความรัก
พระคัมภีร์ตอนหนึ่งบอกว่า
เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์ สดุดี 136

ความรักเหมือน 3G ที่รู้ว่ามีแต่ยังมาไม่ถึง โลกบอกเราแบบนี้ แต่ความรัก 3G ของเราที่เชื่อในพระเจ้า มีมานานแล้ว

เมื่อเราต้องมาอยู่ในโลกนี้ก็เหมือนพระเจ้าต้องการให้บางสิ่งบางอย่างของโลกนี้เป็นตัวขัดเกลาชีวิตของเรา การเชื่อพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะต้องถูกปูด้วยพรมแดง สวยสดงดงามและเราจะไม่พบเจออุปสรรคใดๆเลย พระเจ้ารักเรา เหมือนพ่อรักลูกและส่งลูกมาเรียนหนังสือ โลกนี่คล้ายโรงเรียนที่เราจ้องสอบชีวิตของเราให้ผ่าน โดยมีพระเจ้าคอยช่วยเรา สอนเราและนำเรา เหมือนพ่อที่คอยสอนการบ้านลูกๆแต่พ่อจะไม่ช่วยเราทำ เราต้องผ่านด้วยตัวของเราเอง เวลาเจอบททดสอบเราต้องผ่านด้วยตัวเอง ถ้าเราไม่ผ่านเราก็สอบซ่อมได้ นั่นคือพระเจ้าให้โอกาสเราเสมอๆ แต่ยังไงเราก็ยังเป็นที่รักของพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง พระองค์ตรัสว่า

เรารักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป เยเรมีย์ 31:3
ไม่ว่าเราจะเผชิญสิ่งใดก็ตามไม่มีบทเรียนบททดสอบใดเกินกว่าที่เราจะทนได้ พระเจ้าจะไม่ให้เกินที่เราจะทนได้ เช่นโรงเรียนที่มีบททดสอบตามวัยของนักเรียน

ไม่มีการทดลองใดๆเกิดขึ้นกับท่าน นอกเหนือจากการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ทั้งหลาย พระเจ้าทรงสัตย์ธรรม พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อท่านถูกทดลองนั้น พระองค์จะทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย เพื่อท่านจะมีกำลังทนได้
1 โครินธ์ 10:13

เราสามารถสัมผัสรับรู้ถึง 3G ได้โดยที่เราเปิดใจออกและรับเอาด้วยความเชื่อ

Gที่1 พระเจ้าพระองค์มีมาก่อนสิ่งอื่นใดและพระองค์ทรงเป็นความรัก พระเจ้าทรงเป็นความรัก
เราสามารถรับเอาความรักนั้นได้จากพระองค์ พระบิดาผู้ทรงรักเรา
1 ยอห์น 4:16
ฉะนั้นเราทั้งหลายจึงรู้ และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ใดที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในผู้นั้น

Gที่2 พระเจ้าพระบุตร พระองค์มาตายแทนเราในโลกนี้ด้วยความรัก ใครจะยอมตายแทนผู้อื่นได้เพราะว่าความสงสารแค่นั้น
เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
ยอห์น 3:16
ด้วยความรักนี้เองพระเจ้าทุ่มเทความรักของพระองค์โดยเอาบุตรของพระองค์เข้าแลก เพื่อรับแบกความบาปของเราทั้งหมด เรารับเอาความรักนี้แล้วเมื่อเราเชื่อในพระองค์
พระคัมภีร์ยังบอกอีกว่าแต่พระองค์สำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา โรม 5:8
ไม่ใช่เพราะเราเป็นคนดีพอเพียงแต่ด้วยความรัก อย่าให้เราไม่แน่ใจความรักของพระเจ้า เมื่อใดก็ตามที่เราไม่แน่ใจในความรักของพระเจ้า โปรดจำไว้เลยว่าพระองค์รักเราก่อนที่เราจะกลับมาหาพระองค์ด้วยซ้ำ เพียงแต่เรารับเอาความรักนั้น

Gที่3 พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธ์ เพราะพระองค์รักเรา จึงบอกเราว่า เราจะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่เจ้า แล้วพระองค์ก็เอาพระวิญญาณแห่งความรักของพระองค์ใส่ไว้ภายในเรา
ยอห์น 14:12-18
เราจะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน" พระองค์ทรงเป็นอาดัมคนที่สองเพื่อให้เราเริ่มต้นใหม่ เพื่อที่จะทำลายคำแช่งสาป และคริสตจักรเป็นเอวาคนที่สอง คือเจ้าสาวของพระองค์

เอวาคนแรกล้มเหลว พระองค์ทรงเป็นอาดัมคนที่สอง และต้องการช่วยคนให้รอดเพื่อที่จะเอาแผ่นดินสวรรค์มาบนโลก ดังนั้นเอวาคนที่สองพระองค์ไม่เรียกว่าผู้อุปถัมป์หรือผู้ช่วย แต่พระองค์ทรงเอื้อมไปที่พระองค์เองและเอาพระวิญญาณของพระองค์มาใส่ไว้ใน ชีวิตของเรา เพื่อเราจะไม่ล้มเหลวลงไปอีก เพื่อที่เราจะสัตย์ซื่อและมั่นคง

พระองค์ประทานพระวิญญาณให้แก่เราแล้ว ถ้าเราไม่มั่นใจจงขอจากพระองค์
เพราะฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์

ของขวัญที่สำคัญคือพระเจ้าได้มอบพระวิญญาณ ซึ่งพระองค์สัญญาว่าจะประทานแก่ผู้ที่เชื่อทุกคน เมื่อเราได้รับของขวัญนี้แล้ว เราต้องตระหนักเสมอว่า ร่างกายเราก็เป็นวิหารและที่ประทับของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราต้องไม่ปล่อยตัวตามใจของเนื้อหนัง พระวิญญาณจะคอยเตือนเรา นำเรา และสอนเรา แต่จะไม่บังคับเราและควบคุมเราแบบผีสิง พระองค์เป็นพระเจ้า เรามีเสรีภาพ แต่เสรีภาพของเราต้องไม่เป็นเสรีภาพที่ปล่อยตัวตามเนื้อหนัง

ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง 1 โครินธ์ 6:19

ตรีเอกานุภาพ ทั้ง3 พระภาค คือพระเจ้าองค์เดียวกัน เรารับเอาความรักและการช่วยเหลือจากพระองค์เมื่อเราเชื่อและรับเอาเข้าในชีวิตของเรา เราจะผ่านบททดสอบและการขัดเกลาของโลกนี้และเราจะโตขึ้นและไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เราจะสูงขึ้น โลกนี้เป็นโรงเรียนที่เราจะอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น ชีวิตหลังจากนี้นิรันดร์จะอยู่ที่ไหน อยู่ที่เราเลือกทางเอง ประตูแคบเดินยากแต่เมื่อเข้าไปก็คุ้มค่ายิ่งนัก  อย่าให้ความรัก 3G ของพระองค์เสียเปล่า จงรับเอา

ความรักมีมาถึงเรานานแล้วล่ะ อยู่ภายในเราแล้วล่ะ รับเอาเถิด...เราคริสเตียนก็ได้ใช้ 3G ก่อนใครเพื่อน

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ชีวิตในพระวจนะ


ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า "มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า "มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า
มัทธิว 4:4


หลายครั้งที่ผมอดอาหารบางมื้อ และต้องพบกับความหิวอย่างมาก ครั้งหนึ่งที่ได้ดูข่าวในโทรทัศน์และพบว่าประเทศหนึ่งผู้คนได้พบกับการกันดารอาหาร ผู้คนต่างล้มป่วย บางคนผอมจนหนังติดกระดูก บางคนตายเพราะไม่มีอาหารจะกิน มนุษย์ต้องดำรงชีวิตด้วยอาหาร อาหารที่เราทานเข้าไปจะถูกนำไปหล่อเลี้ยงอวัยวะทุกๆส่วนในร่างกาย

พระวจนะตอนนี้บอกเราว่า มนุษย์จะดำรงชีวิตอยู่ด้วยการกินอาหาร แต่ในฝ่ายวิญญาณสิ่งที่เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณคือ พระวจนะเปรียบกับอาหารที่จะหล่อเลี้ยงร่างกาย และแม้แต่ภาพของคริสตจักรเราทั้งหลายที่ถูกเรียกเป็นพระกายและเมื่อเราเป็นพระกายและมีพระเยซูคริสต์เป็นศีรษะ พระองค์ทรงเป็นพระวาทะ ถ้าเราต่างเป็นอวัยวะที่ไม่ดูดซึมสารอาหาร เราก็เท่ากับเป็นอวัยวะที่ตายแล้ว ไม่เพียงแต่เราตายแค่นั้น แต่ยังมีผลต่อคริสตจักรด้วย

ในพระคัมภีร์ยอห์น 15:6-7 บอกว่า
ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ
ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น


การเข้าสนิทในพระองค์คือทางเดียวที่เราจะยังมีชีวิตอยู่ ฉะนั้นสำคัญมากที่คริสเตียนต้องอ่านพระวจนะ พระคัมภีร์สำคัญสำหรับคริสเตียนมากที่จะอ่านเพียงเพราะหน้าที่ เราจะมีชัยชนะในสงครามประจำวันได้ก็เพราะพระวจนะ เราจะคำหนุนใจในแต่ละวันก็เพราะพระวจนะ เราจะพบคำตอบในแต่ละวันก็เพราะพระวจนะ เราจะเดินไปได้ในโลกนี้ก็เพราะพระวจนะ เพราะพระวจนะเป็นโคมส่องให้เราเดินไปได้ในความมืดมิดของโลกนี้

พระคัมภีร์มักถูกทิ้งไว้ท้ายรถจนถึงวันอาทิตย์ถัดไปหรือเปล่า หรือถูกวางไว้บนโต๊ะและชั้นหนังสือจนฝุ่นจับจนหนาหรือไม่
หลายครั้งเมื่อขับรถมาคริสตจักร เราย้อนกลับไปเอาโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน หรือ แบล็กเบอรี่ไหม เมื่อเราลืม แต่ถ้าเป็นพระคัมภีร์เราจะย้อนกลับไปเอาหรือไม่ เราอาจจะคิดว่า มันเสียเวลาหรือเปล่า

หนังสือเล่มหนึ่งเขียนไว้ว่า พระคัมภีร์ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นมาเพราะพระเจ้าต้องการตอบสนองความอยากรู้ของเรา แต่เพื่อหล่อหลอมเราให้เป็นเหมือนพระคริสต์ ไม่ใช่ทำให้เราเป็นคนที่ฉลาดขึ้น ไม่ใช่ให้หัวเราเต็มไปด้วยความรู้พระคัมภีร์ แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา

เมื่อเราต้องการเจริญเติบโต เราต้องอ่านพระคัมภีร์ เด็กทารกจะโตได้ก็เพราะน้ำนม พระคัมภีร์ก็เปรียบได้กับน้ำนมฝ่ายวิญญาณ
1 เปโตร 2:2
เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์ เพื่อโดยน้ำนมนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเจริญขึ้นสู่ความรอด


พระคัมภีร์ยังเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
เมื่อเราโตมาเป็นผู้ใหญ่ระดับหนึ่ง ผู้ใหญ่ดูจากอะไร จำนวนปีที่เป็นคริสเตียนหรือ คนที่จบโรงเรียนพระคัมภีร์หรือ คนที่ท่องพระวจนะเป็นนกแก้วหรือ แต่มันอยู่ที่เราใช้พระวจนะมากเพียงใดต่างหากเราสามารถวางใจได้เพราะพระวจนะนั้นเชื่อถือได้ 100% เพราะทุกคำมาจากพระเจ้า
2 ทิโมธี 3:16-17
พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และ {หรือ ทุกตอนที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ก็} เป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม
เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง


พระคัมภีร์เป็นสิ่งที่พระเจ้าดลใจผู้เขียน เชื่อถือได้ ไว้ใจได้ เราอ่านและนำมาประยุกต์ใช้ได้ไม่มีตกยุค พระคัมภีร์สามารถป้องกันเราจากคำสอนเท็จและเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต

พระเยซูเองสามารถต้านมารผจญพระองค์ได้ พระองค์ไม่เพียงรู้พระคัมภีร์เป็นความรู้ประดับไว้เท่านั้นแต่พระองค์นำมาใช้และเชื่อฟังด้วย
การท่องจำพระคัมภีร์ได้จะไม่มีประโยชน์เลยถ้าเราขาดการเชื่อฟัง แต่นี่คือก้าวแรกที่เราจะมีชัยชนะเพราะเรามีอาวุธอยู่ในมือเราแล้ว พระคำเปรียบเสมือนดาบที่เป็นอาวุธ
เอเฟซัส 6:17 ยุทธภัณฑ์ของพระเจ้า
จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า

ซาตานเองก็รู้พระคัมภีร์ รู้มากด้วยเพียงแต่มันไม่ปฏิบัติตามและต่อต้านพระวจนะ
แม้พระคัมภีร์จะเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดในโลก แต่ก็เป็นหนังสือที่ถูกอ่านน้อยที่สุดและถูกละเลยมากที่สุดด้วยเช่นกัน

เราใช้เวลากับพระวจนะมากเพียงไร จงอ่านพระวจนะให้จบทั้งเล่ม ไม่ใช่เพื่อความรู้ที่จะมีมากกว่าผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อจะท่องจำได้และเป็นคนหัวหมอ ไม่ใช่เพื่อให้ดูดี แต่เพื่อชีวิตที่เปลี่ยนแปลง

เราบอกเรารักพระเจ้าแต่เรารู้จักพระองค์มากขนาดไหน การอ่านพระวจนะเท่ากับเราอ่านน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มีต่อเราด้วย

ตอนนี้คุณเผชิญปัญหาใดๆอยู่ไหม
ตอนนี้คุณท้อใจอยู่หรือเปล่า
ตอนนี้คุณกลุ้มใจและกังวลกับสิ่งใดๆบ้าง
ทุกอุปสรรคในชีวิตที่กำลังเผชิญนั้น
ลองวางสิ่งเหล่านั้นลงสักพัก เลิกที่จะดิ้นรน เลิกสนุกสนานชั่วคราว เลิกสาละวนและบอกไม่มีเวลา
ทุกคำตอบมีในหนังสือเล่มนี้แล้ว คำปลอบโยน คำหนุนใจ และคำแนะนำที่ดีที่สุด รอคุณอยู่
ลิงค์เกี่ยวข้อง พระวจนะบุฟเฟ่
                   ความสำคัญของพระวจนะ

ขอพระเจ้าอวยพระพร
ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship

พระเจ้าผู้ทรงหวงแหน รูปเคารพในใจ




ในอดีตผมเคยรู้แค่ว่ารูปเคารพนั้นเราไม่ควรจะไปกราบไหว้เลยจริงๆ เพราะพระเจ้าเกลียดชังสิ่งเหล่านั้น ผมถูกสอนมาแบบนี้ พระคัมภีร์ก็บอกแบบนี้ พ่อแม่ผมก็เป็นคริสเตียน ผมเองก็เชื่อพระเจ้า ผมเชื่อว่ามันไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผมแน่นอน

แน่นอนผมไม่มีทางไหว้รูปเคารพเด็ดขาด แต่คำเทศนาในวัยเด็กตอนหนึ่งทำให้ผมเปลี่ยนทัศนะคติและมีมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับ คำว่ารูปเคารพจริงๆ

เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ในหมวดเบญจบรรณ เราจะพบได้เลยว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของผู้เชื่อในยุคนั้นก็คือเรื่องรูปเคารพ เช่นในยุคสมัยของโมเสส หลังจากยุคของโยเซฟ ซึ่งในยุคสมัยของโยเซฟที่พระเจ้าโปรดปรานชนชาติของพระองค์ พระองค์อวยพระพรโยเซฟและมีผลไปถึงชนชาติของพระองค์ด้วย แต่หลังจากนั้น เมื่อเขาต้องตกเป็นทาสในอียิปต์ และต้องทำงานอย่างหนักนั้น เขาก็ลืมพระเจ้าไปเสียแล้ว

เช่นเดียวกันการที่พวกเขาได้อยู่ในแผ่นดินอียิปต์มานานนั้น เขาได้ซึมซับเอาพระของอียิปต์มาด้วย เขามีนิสัยอย่างคนอียิปต์ด้วย เมื่อพระเจ้าทรงใช้โมเสสมานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ พระเจ้าเองได้สำแดงหลายสิ่งหายอย่างที่เป็นภัยพิบัติแก่ชาวอียิปต์ แต่เขาก็ยังหาเชื่อในพระเจ้าของพวกเขาไม่ แม้ในขณะที่ก่อนจะข้ามทะเลแดงพวกเขายังร้องออกมาว่า นำเราออกมาตายที่นี่ทำไม อยู่ที่อียิปต์อย่างน้อยก็ยังมีกิน ในระหว่างที่โมเสสลงมาจากการรับบัญญัติสิบประการจากพระเจ้า พวกเขาก็หันไปหารูปเคารพของอียิปต์ที่พวกเขาคุ้นเคย พวกเขาชอบการเฉลิมฉลอง ความสนุกสนาน ความมั่วในเรื่องเพศ รูปเคารพที่มีรูปร่างหน้าตา จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หรือต้นไม้

หลายครั้งทีพระเจ้าโกรธพวกเขามาก นั่นไม่ใช่เพราะพระองค์อิจฉารูปเคารพเหล่านั้น หรือพระองค์ต้องการการบูชาจากพวกเขา แต่เพราะพระองค์รักและหวงแหนพวกเขาต่างหาก

อพยพ 34:14
(เจ้าอย่านมัสการพระอื่นเลย เพราะพระเจ้าผู้ทรงพระนามว่าหวงแหน เป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน)

คำว่า หวงแหนคือ รักและถนอมไม่อยากให้ใครแตะต้อง ความหึงหวงเป็นการเรียกร้องให้อีกฝ่ายจงรักภักดี พระองค์ต้องการให้เรามีแต่เพียวพระองค์ผูเดียว ถ้าเราเปรียบภาพของสามีและภรรยา มันไม่ใช่เป็นการหึงหวงแบบที่สามีอารมณ์เสียเมื่อเห็นภรรยาไปคุยกับชายอื่นและร่าเริง แต่มันเป็นการหึงหวงแบบสามีเรียกร้องให้ภรรยารักเขาและมีเขาเป็นสามีเพียงคนเดียว เราอาจจะมีอคติกับคำว่าหึงหวงในด้านที่ไม่ดี แต่ความหึงหวงของพระองค์คือต้องการให้เรามีพระองค์เพียวผู้เดียว
พระองค์ต้องการให้เรามีแต่เพียงพระองค์ผู้เดียว พระสองพระจะอยู่ด้วยกันไม่ได้

อพยพ 20:4-5
อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน
อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น เพราะเราคือพระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน ให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน

พระเจ้าตรัสไว้ว่า อย่ากราบไหว้หรือนมัสการสิ่งที่ไม่ใช่พระองค์ พระองค์ตรัสว่า เราเป็นพระเจ้าผู้หึงหวง ในอียิปต์สมัยนั้นเต็มไปด้วยรูปเคารพ และเทพเจ้ามากมาย ซึ่งเทพและพระแต่ล่ะแบบนั้นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป หลายคนจึงกราบไหว้พระมากมายเพื่อพระพรในหลายๆด้าน เมื่อโมเสสนำพระเยโฮวาห์มาเพื่อจะปดแอกพวกเขาให้เป็นไท เขาก็รับเอาเพราะคิดว่า ดีซะอีกได้พระพรเพิ่มอีกด้าน แต่อีกมุมเขาก็ไม่ล่ะทิ้งพระเหล่านั้น เขาคิดว่ามันไม่มีปัญหา แต่เมื่อเขารู้ว่าพระเจ้าองค์นี้ให้มีพระองค์แต่องค์เดียวพวกเขาก็รับกันไม่ได้ ตรงที่บอกว่า อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา

ปัจจุบันพระเจ้าของเรานั้นเราเชื่อพระองค์รักระองค์ แต่ขณะเดียวกันเราก็มีพระอื่นๆบางครั้งโดยที่เราไม่รู้ตัว มันอาจจะไม่ใช่รูปปั้นที่เราต้องไปถวายนมัสการแบบพระคัมภีร์เดิม หรือตามวัด แต่ยุทธอุบายของซาตานแยบยลนักมันอยู่ได้ทุกที่ ทุกที่ที่มนุษย์รักและให้ความสำคัญมากกว่าพระเจ้า ก่อนนี้อาจจะเป็นเงิน ทอง ชื่อเสียง การงาน ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ของโลกนี้ หนัง ละคร หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ไอที ที่นั่งกดนั่งแชทกันมากกว่าครึ่งวัน หรือศิลปินเกาหลีที่คั่งไคล้จนเกินเหตุ
ไม่ผิดที่เราจะมีสิ่งเหล่านี้ หรือใช้สิ่งเหล่านี้ แต่เพียงอย่าให้สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลและแย่งชิงเราออกไปจากพระเจ้า
เมื่อย้อนกลับไปเราเห็นได้ว่าในสมัย นั้นมีการนับถือรูปเคารพกันอย่างดกดื่น รูปปั้น ก้อนหิน ต้นไม้ เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ชั่วร้ายในตัวของมันเอง แต่เมื่อมนุษย์ไปกราบไหว้บูชา และคาดหวังเชื่อในสิ่งเหล่านั้น มันจึงกลายเป็นรูปเคารพที่พระเจ้าเกลียดชัง

1 โครินธ์ 10:14
ดูก่อนท่านที่รัก เหตุฉะนั้นท่านจงหลีกเลี่ยงเสียจากการนับถือรูปเคารพ
ถ้าเราให้สิ่งเหล่านี้เป็นตัวกำหนด ความมั่นคงในชีวิตและความปลอดภัย มันจะเป็นพระเจ้าและเข้าควบคุมชีวิตของเราในที่สุด เราเองต้องให้พระเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นศูนย์กลางในชีวิต พระองค์รักเราไม่ต้องการลงโทษเราให้ถึงพินาศ เหตุนี้พระองค์จึงหึงหวงเรา พระเจ้าหวงแหนเรา พระคัมภีร์หลายตอนได้บันทึกถึงพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน
เฉลยธรรมบัญญัติ 4:24
เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านเป็นเพลิงที่เผาผลาญ เป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน

นาฮูม 1:2
พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหนและทรงแก้แค้นพระเจ้าทรงแก้แค้นและทรงมี พระพิโรธ พระเจ้าทรงแก้แค้นศัตรูของพระองค์ และทรงเก็บความโกรธไว้ให้ปัจจามิตรของพระองค์

พระเจ้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงได้ คำว่าหึงหวงสำหรับมนุษย์เป็นการหึงหวงเพราะความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เอง แต่ความหึงหวงของพระเจ้าไม่มีความเห็นแก่ตัวแอบแฝงอยู่เลย ความหึงหวงของพระองค์เพื่อนำความบาปออกไปและให้มนุษย์กลับคืนสู่พระองค์

ในสดุดี 78:58
เพราะเขายั่วเย้าพระองค์ให้ทรงกริ้วด้วยเรื่องปูชนียสถานบนที่สูงของเขาทั้ง หลาย ได้หมุนให้พระองค์หวงแหนเขาด้วยเรื่องรูปเคารพแกะสลักของเขา

ในสดุดีบอกเราว่า การที่พวกคนเหล่านั้นได้ยั่วยุพระพิโรธของพระเจ้าด้วยสถานบูชาอันสูงและบรรดารูปเคารพต่างๆของพวกเขา นั่นเท่ากับเป็นการกระตุ้นความหึงหวงของพระองค์
รูปเคารพที่เราคิดว่ามันมั่นคงและปลอดภัยนั้นก็เป็นเหมือนกับดักไม่มีใครคิดว่าจะติดกับดักของตัวเองที่วางเอาไว้ แต่รูปเคารพนี่แหละที่จะทำให้เราเดินไปติดกับดักของตัวเองเข้าอย่างจัง

เพราะเขายั่วเย้าพระองค์ให้ทรงกริ้วด้วยเรื่องปูชนียสถานบนที่สูงของเขาทั้ง หลาย ได้หมุนให้พระองค์หวงแหนเขาด้วยเรื่องรูปเคารพแกะสลักของเขา

สดุดี 106:36
ท่านปรนนิบัติรูปเคารพของเขา ซึ่งกลายเป็นบ่วงสำหรับท่าน

พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าที่มีชีวิต เป็นพระเจ้าที่ดำรงอยู่ตั้งแต่ก่อนมีทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง และโลกนี้ พระองค์เพียงผู้เดียวที่สร้างเราขึ้นมา พระองค์คือผู้ให้ชีวิตแก่เรา เหตุใดเราจึงต้องแสวงหาพระอื่นๆอีก เพื่อสนองตัณหาต่างๆของเรา เราหาแต่พระที่พูดไม่ได้ กินไม่ได้ หายใจไม่ได้ไปทำไมกัน
สดุดี 115 :4-9
รูปเคารพของคนเหล่านั้นเป็นเงินและทองคำ เป็นหัตถกรรมของมนุษย์
รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้ มีตา แต่ดูไม่ได้
มีหู แต่ฟังไม่ได้ยิน มีจมูก แต่ดมไม่ได้
มีมือ แต่คลำไม่ได้ มีเท้า แต่เดินไม่ได้ รูปเหล่านั้นทำเสียงในคอไม่ได้
ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น เออ บรรดาผู้ที่วางใจในรูปเหล่านั้นก็เช่นกัน
อิสราเอลเอ๋ย จงวางใจในพระเจ้าเถิด พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์และเป็นโล่ของเขาทั้งหลาย

อย่ามัวแต่ภูมิใจและหลงไปกับรูปเคารพเหล่านั้น และกลับดูถูกสิ่งที่มองไม่เห็น เราหลงไปกับสิ่งแวดล้อมต่างๆด้วยความเพลิดเพลิน เราต่างมีพระหลายพระหรือเปล่า เรามักวิ่งกลับมาหาพระเจ้าเป็นทางเลือกสุดท้ายไหม ? เรายังคงให้ความสำคัญและจดจ่ออยู่กับงาน เงิน บ้าน รถ หรือสิ่งต่างๆมากมายหรือเปล่า ผมเองไม่ได้หมายความว่าต้องเข้าไปอยู่ป่าและบำเพ็ญเพียร แต่เราต้องไม่ให้สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลและสำคัญกว่าความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าเรียกร้องเราคือความสัมพันธ์สนิทกับพระองค์ เคยมีท่านหนึ่งบอกไว้ว่า ถ้าเราให้พระเจ้าเป็นเลข หนึ่ง และสิ่งอื่นเป็นเลขศูนย์ พระเจ้าเป็นแหล่งของทุกสิ่ง พระองค์จะประทานให้เราตามความเหมาะสม แต่ถ้าเราแสวงหาทุกอย่างที่ไม่มีค่าอะไรเลย คือ ศูนย์ และเอาพระเจ้าที่เป็นหนึ่งไว้ข้างหลัง มันก็ไม่มีค่าอะไรเลย

กษัตริย์ซาโลมอนไม่ได้ขอ ทรัพย์สมบัติมากมายและความมั่งคั่ง แต่ขอสติปัญญาจากพระเจ้าและเดินในทางพระเจ้ารักพระเจ้า พระองค์ทรงพอพระทัยและประทานความมั่งคี่งให้อย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนทั้งอดีตและอนาคตจะเทียบเคียง แต่หลังจากนั้นในบั้นปลายชีวิต ซาโลมอนกลับหันไปหารูปเคารพ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ซาโลมอนตกต่ำลง นี่เป็นภาพที่ชัดมาก

เราทั้งหลายถูกคัดสรรและเลือกให้เข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า แต่รูปเคารพนี่เองที่ทำให้เราหลุดจากการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้าได้ อิสราเอลไม่สามารถเข้าสู่แผ่นดินแห่งพันธสัญญาได้เพราะอะไรก็เพราะว่าเขาหันไปหาพระอื่นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเป็นที่เอือมระอา
ไม่เพียงแค่นั้น แต่เราเองได้ชื่อว่าเป็นวิหารของพระเจ้า ร่างกายของเราเป็นพระวิหารของพระเจ้า เราต้องมีวิหารที่บริสุทธิ์ เพื่อเป็นที่ประทับของพระเจ้าผู้ทรงบริสุทธ์ด้วยเช่นกัน

2 โครินธ์ 6:16
วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพได้ เพราะว่าเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า "เราจะอยู่ในเขาทั้งหลายและจะดำเนินในหมู่พวกเขาและเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นชนชาติของเรา

วิธีจัดรูปเคารพในใจเราก็คือ
โคโลสี 3:5
เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ

พระเจ้าไม่ต้องการให้เราประณีประณอมกับความบาป เมื่อเรารู้ว่าสิ่งไหนเป็นรูปเคารพ พระเจ้าบอกว่า จงประหารมันเสีย อย่างเด็ดขาด

พระองค์รักเราและหวงแหนเรา พระองค์เรียกเราทั้งหลายว่า ลูกที่รัก
ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงระวังรักษาตัว อย่าเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ 1 ยอห์น 5:21
รูปเคารพคือสิ่งใดๆก็ตามที่เข้ามาและแทนที่ความเชื่อภายในเรา คือความเชื่อในพระเยโฮวาห์ มันจะปล้นความเชื่อไปจากเราและนำเราไปเป็นทาส และสถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้า เราต้องประหารมันอย่างเด็ดขาด อย่าให้เราเป็นเด็กที่ถูกเอาขนมมาล่อ
บัญญัติข้อใหญ่ สองข้อที่สรุปบัญญัติทั้งหมดคือ
1.จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจ สุดจิต สุดความคิด และสุดกำลังของท่าน
2.จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

เมื่อเรารักพระเจ้าด้วยสุดๆและถวายตัวถวายกายและใจเป็นเครื่องบูชาแด่พระองค์แล้ว พระอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ใดๆในเรา
บางคนอาจจะบอกว่าไม่มีเวลาแต่เราทุกคนมีเวลาเท่ากัน พระเจ้ายุติธรรมพระองค์ทอดพระเนตรที่จิตใจ แม้กายภาพเราอาจจะไม่มีเวลา แต่เราก็ติดสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ได้ เดินเราก็อธิษฐานได้ทำอะไรเราก็ภาวนาได้ วัยรุ่นบางคนบอกว่าไม่มีเวลาที่จะอ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน เฝ้าเดียว และนมัสการส่วนตัว เรามาดูกันว่าเรามีเวลาขนาดไหน
เราดูโทรทัศน์วันล่ะกี่ชัวโมง รวมข่าว ละคร หนังที่โหลดหรือเช่ามา รวมๆอย่างน้อย 3 ชม
เราเล่นคอมพิวเตอร์วันล่ะกี่ชั่วโมง รวมทั้งเกมด้วย อย่างน้อยก็ 2-3 ชั่วโมง
บางคนมีของเล่นนั่งแชทในมือถือไอโฟนหรือ BB วันหนึ่งกี่ชม บางที่พักเที่ยงก็เล่นด้วยซ้ำ
แต่บางคนกลับไม่มีเวลาให้กับพระเจ้าเลย
บางคนโหลดหนังซะจนเต็มเครื่อง
บางคนติดละครไทย เกาหลี
บางคนมีอุปกรณ์ไอทีเป็นรูปเคารพ
บางคนมีแฟน เป็นรูปเคารพ
บางคนทำแต่งานๆๆๆๆ จนไม่มีเวลาไปคริสตจักรแต่บอกว่าพระเจ้าอยู่ในใจ (เป็นตัวเลือก)
และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ผมไม่ได้หมายความว่าแอนตี้ หรือเราจะมีสิ่งเหล่านี้ไม่ได้นะครับ เรามีได้ ผมก็มีและก็ชอบบางสิ่งบางอย่างด้วย แต่เราต้องไม่ให้มันสำคัญไปกว่าพระเจ้า เราขาดสิ่งเหล่านั้นได้ แต่เราขาดพระเจ้าไม่ได้ อย่าให้เรา ท่องชื่อศิลปินนักร้องเก่หลีได้ ท่องชื่อนักฟุตบอลได้
เล่นเกมเก่งจนเป็นเซียนออนไลน์ มีความรู้ต่างๆมากมาย แต่กลับไม่รู้จักพระเจ้าเลย จะมีค่าอะไร

อีกครั้งหนึ่งที่สดุดี 135:16-18
บอกไว้ว่า บรรดาผู้ที่วางใจในรูปเคารพนั้นก็เป็นเช่นนั้น คนที่ทำก็เหมือนรูปนั้น เราเห็นได้เลยว่า ทำไมยิ่งนับวันข่าวที่ออกมาสังคมไทยเริ่มเสื่อม นักเรียนทำไมถึงตีกัน เเพราะเขาบูชาอะไร พระเจ้าบอกคนที่ตายไปวิญญาณก็ถูกให้อยู่ที่แห่งหนึ่งเพื่อรอการพิพากษา ฉะนั้นวิญญาณในโลกนี้ที่มันรายงานพระเจ้าว่ามันไปๆมาๆ เท่ากับมนุษย์บูชาซาตาน นับวันสังคมถึงแย่ลง ยิ่งบูชาอะไรก็เป็นแบบนั้น บูชาเกมส์การต่อสู้มากก็มีจิตใจที่รุนแรง (ตัวอย่างนะครับ) ให้ละครเป็นรูปเคารพ เด็กก็ซึมซับแบบนั้น
พระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง สดุดี 115:4-8 วิวรณ์ 9:20

ทุกสิ่งทุกอย่างพระเจ้าสร้างมาให้มนุษย์ครอบครอง ดิน ต้นไม้ เงินทอง ถ้าเราให้สิ่งเหล่านี้อยู่เหนือเรา เราให้ความสำคัญ บูชา และยกย่องเทิดทูน ทุกสิ่งทุกอย่างพระเจ้าเป็นผู้สร้างเราแสวงหาหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เคยแสวงหาพระเจ้า มากขนาดไหน เป็นคำถามสำหรับแต่ละคน

ขอพระเจ้าอวยพระพร
ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

ภูเขาไฟระเบิด


ผมเคยอ่านเรื่องของภูเขาไฟ ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับนั้น มันมักรอการระเบิดที่รุนแรง ยิ่งนานวันจะยิ่งรุนแรง โดยที่เราไม่รู้เลยว่าวันไหนมันจะ

ระเบิดออกมา และเมื่อใดก็ตามที่มันระเบิดออกมา เมื่อนั้นแหละ ความหายนะก็จะมาเยือนทันที
สิ่งใดก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้กับรัศมี ย่อมโดนผลกระทบด้วยทั้งนั้น มันมีพลังที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน แรงระเบิดและ

พลังของมันมีพลังพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์

ในคริสตจักรเองเราเคยสังเกตุเห็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับได้ไหม ผมเคยเทศนาเรื่องความรัก ความรักที่เป็นรากฐาน ทุกสิ่งที่เราทำต้องมีฐานของ

ความรักด้วย เป็นเรื่องน่าเศร้าใจยิ่งนักที่คริสตจักรบางแห่งต้องพบกับ ภูเขาไฟที่ระเบิดออก

นั่นคืออารมณ์ความโกรธที่ประทุออกมานั่นเอง
สุภาษิต 10:12 บอกเราว่า แต่ความรักบดบังความผิดทั้งมวล
1 เปโตร 4:8 ก็บอกว่า เพราะความรักลบล้างความผิดมากมายได้

ผลของพระวิญญาณ

ความอดทนอดกลั้น
คุณสมบัติของการอดทนคือ ความสามารถในการอดทน
ต่อสถานการณ์ที่ไม่น่าจะทนได้ และทำอย่างชื่นชมยินดี
และอดทนได้อย่างทรหดยาวนาน
ความอดทนนี้จะเป็นคุณสมบัติที่พระเจ้าเองก็มีด้วย

ความอดกลั้นใจ คือ ระงับ ยับยั้ง ระงับใจ ยับยั้งใจ
หลายครั้งเลยใช่ไหมที่หลายคนอาจจะจินตนาการว่า ได้ชกหน้าคนที่ทำร้ายเรา คนที่ใส่ร้ายเรา คนที่ทำผิดต่อเรา กลั่นแกล้งเรา และบางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความคิด แต่มันได้กระทำออกมาจริงๆ นี่คือตัวอย่างของการที่ไม่อดกลั้นใจไว้ได้

เอเฟซัส 4:2
คือจงมีใจถ่อมลงทุกอย่าง และใจอ่อนสุภาพอดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกัน ด้วยความรัก


จงถ่อมใจลงทุกอย่าง เมื่อดูเรื่อง The Passion นั้นตอนที่เขาจับพระเยซูไปและโบยตี ลากไปตามทาง เยาะเย้ย ถากถาง ดูถูกสารพัด พระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าต้องยอมถ่อมพระทัยลง อดทนอดกลั้นไว้เพื่อให้แผนการของพระบิดา ที่เป็นแผนการแห่งการทรงไถ่นั้นสำเร็จ และพระองค์ก็ผ่านข้อสอบนี้ไปได้ ก่อนจะประทานให้กับเราเป็นผู้สอบต่อไป พระองค์ทำให้เราเห็นว่า มนุษย์ก็สามารถทำได้
จงถ่อมใจลงและสุภาพอ่อนโยนในทุกด้าน ทุกด้านคือทุกอย่างรอบด้าน เราต้องพบเจอหลายสิ่งรอบด้านเรา คนที่ดูถูกเรา ทับถมเรา กดขี่เรา เยาะเย้ยถากถาง เย้ยหยันเราสารพัด นินทาใส่ร้ายเรา พระเจ้าสอนเราให้รู้จักที่จะอดทนอดกลั้น คือระงับเอาไว้
“จงอดทนอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” ข้อ 3 ก็กล่าวเช่นเดียวกันว่า จงเพียรพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระวิญญาณ ไม่ว่าเราจะผิดหรือจะถูก เราก็มักจะถูกกระตุ้นว่า “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ยอมแพ้ฉันต้องเอาคืน”

โคโลสี 3:12,13
เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน และถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน

เพราะว่าพระเจ้าเลือกเราแล้วให้เป็นพวกบริสุทธิ์ เราต้องแตกต่างเราต้องใส่เสื้อแห่งการอดกลั้นใจ และผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน เขาแรงมาเราต้องรับด้วยความนุ่มนวลและความรัก เราต้องไม่เป็นภูเขาไฟที่กำลังประทุและพร้อมจะระเบิด อย่าพึ่งพากำลังตัวเองที่จะสงบภูเขาไฟ แต่จงมอบภาระนี้พระพระวิญญาณที่อยู่ภายในเป็นผู้ดับ

พระเจ้าเองพระองค์ก็ทรงอดทนอดกลั้นต่อเราทั้งหลายด้วยเช่นเดียวกัน พระองค์อดทนต่อการทำผิดแล้วผิดอีก บาปแล้วบาปอีกซ้ำๆซากๆ
เราต้องอดทนเพราะพระเจ้าให้เรามีความอดทนอดกลั้นใจ
โคโลสี 1:11
ขอให้ท่านมีกำลังมากขึ้นทุกอย่างโดยฤทธิ์เดชแห่งพระสิริของพระองค์ ขอให้ท่านมีความทรหดที่สุด และความอดทนไว้นานด้วยความยินดี

ความอดทนอดกลั้น ในภาษากรีกนั้นแปลว่าระยะห่างจากขอบเส้นอารมณ์
คือการอดกลั้นและระงับอารมณ์ เมื่อถูกกระตุ้นและยั่วเย้าให้เกิดอารมณ์
ที่จะนำไปสู่การทะเลาะ
ฮีบรู 10:36
ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความอดทน
เพื่อว่าท่านจะได้สามารถกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านจะได้รับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้นั้น

ช้าที่จะพูดถ้อยคำที่ตอบโต้ด้วยอารมณ์ออกไป คำพูดอ่อนหวานและสุภาพไม่ใช่คำพูดแห่งการพ่ายแพ้อย่าให้เราโดนหลอก พระเจ้าให้เรามีสติปัญญา จงอดทน
สุภาษิต 15:1
คำตอบอ่อนหวานช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป
แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ


การรู้จักบังคับตน
การรู้จักบังคับตน คือ การควบคุมตัวเอง การรู้จักบังคับตน
จะทำให้เราเป็นนายเหนือทุกสิ่ง
ความสามารถในการควบคุม ปกครองตนเอง ควบคุมความอยาก
พระวิญญาณจะช่วยเราได้อย่างสมดุล
เป็นการควบคุมอารมณ์ ร่างกาย
การบังคับตนจะทำให้เรามีวินัย

ยากอบ 1:19-21
ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ได้กระทำให้เกิดความชอบธรรมแห่งพระเจ้า เหตุฉะนั้นจงเลิกความโสมมทั้งหลายแหล่ และการชั่วร้ายอันดกดื่น และจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายให้รอดได้

ช้าในการพูด เราอาจจะพูดอะไรออกไปด้วยอารมณ์และการตอบโต้ เมื่อมีคนที่พูดไม่ดีกับเรา ใส่ร้ายเรา หรือพูดอะไรที่ทำให้เรามีความรู้สึกในแง่ลบ เราเองต้องช้าในการพูด ก็คือมีสติก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ช้าในการโกรธความโกรธไม่ใช่ความบาปแต่เป็นทางนำไปสู่ความบาป และเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดความแตกแยก พระวิญญาณจะคอยเตือนเราอยู่ภายใน แต่เราต้องยอมที่จะฟังและเชื่อฟัง มันอาจจะทรมานที่เราไม่ได้ตอบโต้ใครบางคน แต่เราเองก็ได้สวมผลของการรู้จักบังคับตนแล้ว จำตอนที่โมเสสผิดพลาดได้หรือไม่ครับ พระเจ้าให้โมเสสสั่งหินให้มีน้ำออกมา แต่โมเสสเอง โกรธประชาชนชาวอิสราเอลที่ดื้อดึงและหลงไปกับรูปเคารพอื่นๆ รวมทั้งการบ่นและการขาดความเชื่อ โมเสสระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยการใช้ไม่เท้าตีฟาดไปที่ก้อนหิน นี่เองพระเจ้าไม่พอพระทัยโมเสสเลย เมื่อเรารู้จักบังคับตนเอง ทุบตีเนื้อหนังให้อยู่หมัด ไม่ใช่เพื่อจะเอารางวัลบำเหน็จแต่เพื่อชีวิตและผลฝ่ายวิญญาณของเราจะจำเริญ ขึ้น รางวัลนั้นไม่ใช่มงกุฎที่ร่วงโรยได้ แต่เป็นมงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย เราต้องดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ทีอยู่ภายในเรา และไม่ตอบสนองความต้องการของเนื้อหนัง รู้จักบังคับตน นี่คือผลที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

คนหลายคนในคริสตจักรมักตกเป็นเหยื่อในคำพูดที่เสียดสีแะเสียดแทงใจ เราจะตอบสนองเช่นไร ในสภาวะที่เรากำลังโกรธอยู่
การระเบิดอาจะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่สิ่งที่ทิ้งไว้คือซากความเสียหาย และความสูญเสีย เช่นนั้นเอง เราอาจจะระเบิดอารมณ์ใส่ใครบางคน สั้นๆและผ่านไป แต่สิ่งที่ทิ้งไว้คือความเจ็บปวดและขมขื่น และความแตกแยกไว้
บางครั้งเขาเคยพูดเล่นกับเราแบบนี้เราไม่โกรธ แต่ครั้งนี้ในสภาวะความโกรธ เราอาจจะตอบสนองด้วยอารมณ์ที่ระเบิด หนุนใจคนที่ชอบพูดเล่นด้วยเช่นเดียวกัน พระคัมภีร์บอกเราให้กำจัดความโกรธออกไปจากชีวิตของเรา จงสวมความรักต่อกัน อภัยให้กัน ผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน แน่นอนเราอาจจะเจ็บ แต่เรามีพระเจ้า ดีกว่าที่เราจะตอบโต้อะไรออกไปให้เจ็บทั้ง 2 ฝ่าย
มอบความอ่อนแอของเราไว้กับพระเยซูคริสต์ ขอพระเจ้าช่วยเรา

เราอาจจะเคยอดทน แต่ความอดทนของเรามากจากความพยายามด้วยตนเอง เรามักไม่ยอมรับความอ่อนแอ และเมื่อพ่ายแพ้เราก็ท้อถอย
และทุกครั้งเราก็จะพ่ายแพ้และไม่อยากจะอดทนและรักใครได้อีก
แต่จงขอความอดทนจากพระเจ้าสวมความรักของพระองค์ มีหัวใจแบบพระองค์ มองแบบที่พระองค์มอง มองให้ไกล
จงเป็นภูเขาไฟที่สงบเงียบ อย่าได้ประทุและระเบิดตามยุทธศาสตร์ของซาตานเลย แต่จงระเบิดใส่มันด้วยความโกรธที่ชอบธรรมของพระเจ้าเถิด เมื่อพระเยซูโกรธพระองค์โกรธความอธรรมและการชั่ว นี่คือความโกรธที่ชอบธรรม
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

คำเทศนา ชีวิตที่มีความรักเป็นรากฐาน


คัมภีร์ ทองมาก เทศนาเรื่อง "ชีวิตที่มีความรักเป็นรากฐาน"
เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2011 ณ คริสตจักรธารพระพร

Kumpee Alex Thongmak Preached about "Life with LOVE as The Foundation"
in Sunday Morning service, on January 16, 2011, @Stream of Blessing church.

http://www.mediafire.com/?sntpdap66c7psxv

ชีวิตที่มีความรักคือรากฐาน


ย่อยจากคำเทศนา วันอาทิตย์ 16 มกราคม 11
วันนี้อยากให้เรามานึกถึงความรักของพระเจ้า พระเจ้ามอบความรักให้แก่เรา
แต่หลายครั้งที่เราก็ไม่ได้สำแดงความรัก เราอยากได้ความรัก เราแสวงหาความ
รักแต่เราก็ไม่ได้สำแดงความรักกับพี่น้องของเรา สำคัญมากหรือกับการสำแดงความ
รัก แค่เรากับพระเจ้าไม่เพียงพอหรือ หรือฉันต้องทำอย่างไร
พระเจ้าทรงเป็นความรักใช่ไหมครับ คำๆนี้เราได้ยินมานานมากแล้ว
พระเจ้าไม่ได้ส่งพระบุตรของพระองค์มา เพราะความสงสาร เห็นใจเท่านั้น แต่
สำคัญที่สุดคือพระองค์ทรงรักเรา
เราให้เงินขอทานเพราะสงสาร ไม่ใช่ความรัก
แค่ความสงสารเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้ใครสละลูกของตนเองเพื่อคนอื่น

พระเจ้าไม่เพียงแต่รักเราเท่านั้น 
พระองค์ยังรักเราอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย 
ไม่ว่าเราจะดีหรือเลว  พระองค์ก็รักเรา
 
นี่เป็นความอัศจรรย์ของความรักของพระเจ้าและพระองค์ยังรักเราแม้ว่าเราไม่น่ารัก เราจะดื้อแค่ไหน  หรือแม้เราจะเกลียดพระองค์ก็ตาม
บุตรน้อยที่หลงหายไป เมื่อกลับใจเขาก็รีบลุกกลับมาหาพ่อ และพ่อก็รอเขาและอ้าแขนรับเข้ากลับสู่บ้านคืน ความรักของพระองค์มีมานานแสนนานแล้ว เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงค์เป็นนิตย์

พระเจ้าทรงปรากฏแก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป   เยเรมีย์ 31:3

และนี่เองพระองค์จึงทรงประทานบุตรของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย

"เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" (ยอห์น 3:16)


ความรักของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ ความรักของพระเจ้า
คือความมั่นคง ปลอดภัย
ให้เรารับเอาความรักของพระเจ้า
เมื่อพระองค์ทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทุกๆคน ทั้งที่เราเป็นคนบาป
พระองค์ก็ได้มาสินพระชนม์เพื่อเรา
อย่าให้สถานการณ์ หรือความคิดของเรา หลอกเราว่า พระเจ้าไม่รักเราหรอก
** บางคนไม่อยากมาคริสตจักร เพราะคิดว่าตัวเองไม่ดี แย่ พระเจ้าไม่รักแล้ว
หรือกลัวมาแล้วจะไม่ได้รับความรัก ถ้ามาเจอ คนนั้นคนนี้เค้าต้องซ้ำเติมเราแน่ๆ
เราต้องรู้เสมอว่า ในความรักนั้นไม่มีความกลัว
ละครเรื่องหนึ่งชื่อเรื่อง บ้านนี้มีรัก และเราต้องเชื่อด้วยว่า คริสตจักรนี้มีรัก

อย่าคิดว่าพระองค์ทิ้งเราไปแล้ว เพราะเรา ดื้อ เราทำบาป
เราต้อง ไม่สงสัยในความรักของพระเจ้า
ยุทธศาสตร์ของซานตานคือ ให้เรา สงสัย ในความรักของพระเจ้า
** สงสัยคือ ขาดความเชื่อ ไม่เชื่อ ผู้เชื่อจะได้รับพรของพระเจ้า พระพรของพระองค์คือความรักของพระองค์

สิ่งสำคัญที่สุดนั้นไม่ใช่หมายสำคัญและการอัศจรรย์
แต่เป็นชีวิตที่ดำเนินในความรักของพระเจ้า
ตอนหนึ่งที่พระเยซูตรัส คนที่อ้างว่าทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์
พระองค์ตรัสว่า เราไม่รู้จักเจ้า

ผมขอหนุนใจว่า….หลายคนได้รับของประทานจากพระเจ้า
ไม่ได้หมายความว่า คนคนนั้นสมบูรณ์ที่สุด
กว่าคนที่ไม่ได้รับอะไรเลย
คุณอาจจะไม่เห็นนิมิต ไม่ฝัน ไม่ได้รับการสำแดง
ไม่ได้หมายความว่า    พระเจ้าจะไม่รักคุณ ไม่จริงเลย
พระประสงค์พระองค์ต้องการให้เรา
ดำเนินตามแบบอย่างที่พระองค์วางเอาไว้
อย่าเอาสิ่งเหล่านี้เป็นเกณฑ์ในการตัดสิน
เพราะคนที่คิดว่าตนเองมั่นคง เกรงว่าจะล้มลง

ของประทานที่ไม่มีความรัก ก็เหมือนฆ้องหรือฉาบ อย่ามัวมานั่งเถียงกัน
ในเรื่องงานรับใช้ เราเองมีของประทานที่แตกต่าง ทุกของประทานก็เพื่อ
คริสตจักรจะจำเริญขึ้น
1 โครินธ์ 13:1 แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆ ได้ เป็นภาษามนุษย์ก็ดี เป็นภาษาทูตสวรรค์ก็ดี แต่ไม่มีความรักข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง
เราอาจได้รับของประทาน และรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และเป็นตึกอาคารที่สูงใหญ่
เทียมฟ้า แต่ตึกหลายตึกที่พังทลายลง ก็เพราะรากฐานที่ไม่มั่นคง และไม่แข็งแรง

1 โครินธ์ 13:13 ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
ความรักเป็นของประทานที่สำคัญ ถ้าทุกของประทานที่ทำ
จะมีผลเพียงน้อยนิดถ้าปราศจากความรัก ความรักสิ่งที่จะ
ทำให้ทุกของประทาน ทะลุทะลวงได้
และความรัก คือกาวที่เชื่อมของประทานทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
** ควารู้นั้นทำให้ลำพอง แต่ความรักเสริมสร้างขึ้น
 ความรักคือผลหนึ่งในผลฝ่ายวิญญาณที่เราต้องสำแดงออกมา
เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ในความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
คือเราต้องเห็นผลของชีวิตที่ออกมา
ผลจะดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่ต้น ผลของพระวิญญาณเมื่อก่อนพระองค์จะไปพระองค์
บอกว่าจะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน
พระเจ้าไม่ได้วิญญาณชั่วใส่ในเรา แต่ทรงใส่พระวิญญาณบริสุทธิ์
ของพระองค์มาภายในเรา ให้อยู่กับเรา
และเราก็เป็นเช่นต้นไม้ที่จะออกผล
ต้นไม้ที่ยังมีชีวิต ถ้าออกผล คริสเตียนก็ยังมีชีวิต ถ้ามีผลฝ่ายวิญญาณ
ผลนั้นมาได้อย่างไร
ยอห์น 14:12-18 "เรา จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน"
โดยพระองค์ทรงเอื้อมไปที่พระองค์เองและ
เอาพระวิญญาณของพระองค์มาใส่ไว้ใน ชีวิตของเรา
พระองค์ต้องการให้เรามีผลที่ดี เราต้องแตกต่างจากโลก
ความรู้นั้นคนที่ไม่เป็นคริสเตียนก็หาความรู้พระคัมภีร์ได้
แต่เขาเป็นต้นไม้ที่ไม่มีผล

ผลที่ดีก็คือแบบอย่างที่ดี เช่นพระเยซู ผลที่ดีจะเป็นตัวดึงดูด
คนเข้ามาถึงพระเจ้า
*เมื่อเรามีพระวิญญาณแห่งความรักเราต้องเชื่อฟัง เฉลยธรรมบัญญัติ 11:26-28
เมื่อท่านเชื่อฟังและปฏิบัติตามท่านก็จะเป็นไปตามพร
มัทธิว 7:17-20
ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว
ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้

เราต้องเป็นต้นไม้ที่ดี ที่ออกผลถ้าปราศจากผลเราก็เป็นต้นไม้ที่ตายแล้ว
ถ้าเราขาดแล้วซึ่งความรัก เราก็เหมือนต้นไม้ที่ตายแล้ว
เราต้องมีผล ผลที่ว่าคือผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ใน

กาลาเทีย 5:22-23
ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย


ความรัก
ประการแรกพระเจ้าให้เรามีความรัก
ความรักที่เอาใจใสและเป็นห่วง
ความรักคือ ความชอบ พึงใจ หลายครั้งเราบอกว่า รักๆๆ
แต่ผลที่แสดงออกมาเราเป็นดั่งที่ปากเราได้พูดไหม
เรายังนินทากันเองอยู่ด้วยซ้ำ เรายังไม่ให้อภัยกันด้วยซ้ำ
มองและคอยแต่จับผิดไม่ได้มองหาส่วนดีของกัน
ขุ่นข้องหมองใจกัน ขัดเคืองกัน หมางใจกัน
แต่มองหาแต่ส่วนเสียหายและทำร้าย กัน
** ความรักไม่ใช่เป็นการที่จะปล่อยปละละเลยเมื่ออีกคนทำบาป
ความรักจะไม่นำพี่น้องเข้าสู่การพิพากษา
ความรักต้องไม่มองหา แต่สิ่งที่นำไปสู่ข้อกล่าวหา


แน่นอนมันช่างเป็นอะไรที่ง่ายที่เราจะเปล่งเสียงว่ารัก
 แต่มันเป็นอะไรที่ยากที่เราจะสำแดงความรักและมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก
เรามีผู้ช่วยภายในเรา แต่ผู้ช่วยไม่ใช่ผู้บังคับ

เราจะระงับอารมณ์โกรธได้แค่ไหนเมื่อมีคนที่ทำผิดต่อเรา
เอาเปรียบเราในการรับใช้ ความรักของพระเจ้านั้นทนได้แม้ความผิด

อ.เปาโล ทำหลายสิ่งหลายอย่าง ทุ่มเทเพื่อคนอื่น ทำด้วยใจรัก
แต่ผลที่ได้คือ โดนใส่ความ ตามฆ่า … แต่ เปาโล ยังคงรักอยู่

พระเจ้าไม่ได้ดีแต่พูดเท่านั้น แต่พระองค์ทำด้วย ทำให้เราเห็น
เรารู้แน่นอนว่าพระเจ้ารักเราไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งที่เรามีความผิดนี่แหละ  ความรักของพระองค์ไม่มีเหตุผล

เห็นไหมพระองค์ก็รักและอดทนต่อความผิดของเราด้วย

ความรักนั้นไม่มีวันสูญสิ้น ไม่ว่าเรากำลังเผชิญสิ่งใดก็ตาม
แม้เราจะเจอคนที่ทำให้เราเจ็บแค่ไหน
ทำผิดต่อเราแค่ไหน เราต้องไม่ลืมว่า ความรักที่ไม่มีวันสูญสิ้นยังคงอยู่
และไม่เคยหมดไปจากเราเลย
ความรักไม่เคยหมด คือเรามีรักอยู่เสมอ บางคนอาจเคยพูดว่า
เสียแรงที่รัก ทำไมเขาทำกับฉันแบบนี้ ทำไมถึงทำกับฉันได้
แต่ความรักไม่มีวันสูญสิ้น
เอเฟซัส 5:1-2
เหตุฉะนั้นท่านจงเลียนแบบของพระเจ้า ให้สมกับเป็นบุตรที่รัก
และจงดำเนินชีวิตในความรัก เหมือนดังที่พระคริสต์ได้ทรงรักเราทั้งหลาย
และทรงประทานพระองค์เองเพื่อเรา
ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาอันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า


เลียนแบบพระเจ้าสิ คือทำตามพระเจ้า จะดีมั๊ยถ้ามีคนบอกว่า
เก่งเหมือนพ่อเลย เราจะภูมิใจขนาดไหน
เพราะเราสมกับเป็นลูกของพ่อของเรา จงดำเนินชีวิตในความรัก

เหมือนเด็กที่เยนแบบพ่อ พ่อคือแบบอย่าง
พระองค์คือพระบิดาที่ลงมาเป็นแบบอย่างให้กับเรา เราจึงควรเลียนแบบพระคริสต์

พระองค์ทรงมีความรักต่อเราโดยการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่
ความรักที่เราควรมีต่อผู้อื่นจึงไม่ใช่ความรักแบบ
รักเพราะเขาดีกับเรา ใครที่ไม่ดีกับเราเราก็ไม่รัก
พระองค์ได้บอกให้เรารัก
เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น

ยอห์น 13:35
ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้
ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา


 นี่คือบทพิสูจน์ว่าเราทั้งหายเป็นสาวกของพระเยซู
คริสตจักรที่เป็นสาวกต้อง ไม่มีความขัดแย้ง ความอิจฉา การแตกแยก

เราต้องมีความรักเช่นพระเยซูคริสต์
ความรักจะรักษาเราให้เข้มแข็ง และเป็นหนึ่งเดียวกัน

เราอาจจะพยายามทำหลายสิ่งแต่ขาดความรัก
ลูกา 10:27
เขาทูลตอบว่า "จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้า ด้วยสุดกำลังและสิ้นสุดความคิดของเจ้า และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

** จงปฏิบัติต่อผู้อื่น อย่างที่ท่านปรารถนาให้เขาปฏิบัติต่อท่าน
หลายครั้งเราอยากให้คนสำแดงความรักแก่เรา อาจะแสดงออกโดยการทำ
ทุกอย่างเพื่อการยอมรับ แต่เราเองกลับปฏิบัติต่อผู้อื่นไม่ดี

เราได้ยินบัญญัติว่ารักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองมานาน และบ่อยมาก
แถวบ้านผม คือข้างบ้าน เขามักเปิดเพลงเสียงดัง ทะเลอะกันเสียงดัง
ชอบเบิ้ลมอเตอร์ไช และชอบจุดประทัด โดยไม่มีความเกรงใจ
ว่าคนข้างบ้าน จะหลับจะนอน เขาคิดแต่รักตนเองทำในสิ่งที่ตัวชอบ
และมีความสุข

ในระหว่างเตรียมเทศนา คำว่าจงมีความรักนั้นได้สอนผมเรื่องนี้ด้วย
1 ยอห์น 4:20
ถ้าผู้ใดว่า "ข้าพเจ้ารักพระเจ้า" และใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้

** ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก
และผู้ใดที่เข้าไปอยู่ในความรักนั้นก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้า
ทรงสถิตอยู่ในผู้นั้น
ถ้าเราเองขาดความรักพี่น้องในบ้านเดียวกันแล้ว เราจะหวังสำแดงความรักต่อผู้อื่นไม่ได้เลย
เราซึ่งพระเจ้าเรียกให้เป็นกายเดียวและพระองค์เป็นศีรษะ ถ้าเราไม่รักกันก็เท่ากับไม่รักพระเจ้าด้วย
พระวจนะบอกเราว่าถ้าเราเกลียดชังผู้ใด เกลียดชังพี่น้อง
เมื่อเราเป็นกายเดียวกันก็เป็นเหมือนพี่น้องกัน
เมื่อเราเกลียดกันขาดความรักต่อกันและกัน
มันได้ได้จบแค่นั้น แต่เราเปรียบเหมือน ฆาตกร
ในพระคำตอนนี้ยอห์นได้ยกคำตรัสของพระเยซูที่ว่า
คนที่เกลียดชังคนอื่นก็มีจิตใจเป็นฆาตรกร
เราจำ คาอิน กับ อาเบลได้ใช่ไหม เมื่อเขาเกลียดชัง และมี
แรงจูงใจในงานรับใช้ที่ไม่ดีต่อกันและกัน ความเกลียดนำไปสู่การฆ่าคน
1 ยอห์น 3:15
ผู้ใดที่เกลียดชังพี่น้องของตนผู้นั้นก็เป็นผู้ฆ่าคน และท่านทั้งหลายก็รู้แล้วว่า ผู้ฆ่าคนนั้นไม่มีชีวิตนิรันดร์ดำรงอยู่ในเขาเลย
ความเกลียดชังยั่วยุให้เกิดความแตกแยก แต่ความรักบดบังความผิดทั้งมวล
ทูลขอความรักจากพระเจ้า ให้พระเจ้าตอกเสาเข็มความรักภายในเรา
เรามักจะอธิษฐานขอให้เรารักคนที่ไม่น่ารัก แต่เราก็พยายามหนีให้ไกล
จากคนที่เราไม่อยากจะรัก พระเจ้าอาจจะส่งเขามาเพื่อขัดเกลาในชีวิตเราก็ได้
พระเจ้าอาจจะส่งเขามาเพื่อวางรากฐานความรักในชีวิตเราก็ได้

ความเข้มแข็งของคริสตจักรที่เป็นกายเดียวคือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
จงมีความรักแก่กันและกันเพื่อหล่อหลอมความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
ซาตานต้องการให้เราขาดความรักและแตกแยกกันเองเกลียดชังกันเอง “จงมีความรัก”
ความรักจะป้องกันความแตกแยก แบ่งก๊กแบ่งเหล่า แบ่งสีในคริสตจักร
เมื่อถึงเวลารับใช้เราจะไม่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ลับหลังเมื่อไร (แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ)
เราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดโกรธพี่น้องของตน ผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ ถ้าผู้ใดจะพูดกับพี่น้องว่า "อ้ายโง่" ผู้นั้นต้องถูกนำไปที่ศาลสูงให้พิพากษาลงโทษและผู้ใดจะว่า "อ้ายบ้า" ผู้นั้นจะมีโทษถึงไฟนรก
มัทธิว 5:21-22 

เวลารับใช้ด้วยกันและอีกฝ่ายทำผิดพลาดเนื่องด้วยอะไรก็ตามแต่ อย่ามีแรงจูงใจที่ผิดๆในการตัดสินการรับใช้ของพี่น้อง
อย่าให้เราพูดว่า ทำได้ไงงานแบบนี้ บ้านนอก เชยมาก เห่ยจริงๆ
ใช้อะไรคิด จบไรมาวะ โลวคลาสมากๆ มาตรฐานต่ำจริงๆ
..นี่แหละ เราก็ว่าพี่น้องอ้ายโง่
ถ้าเครื่องบูชานั้นของเขาเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าล่ะ

ความขมขื่นต่อคนที่กระทำผิดต่อคุณนั้น เปรียบได้กับมะเร็งร้าย
ความขมขื่นไม่ใช่ต้องนั่งเศร้า นั่งทุกใจเท่านั้น
แต่ถ้าเราได้ยินชื่อคนคนนั้นลอยมา เราก็เบ้ปากทันที
ด้วยเหตุนี้ การขาดความรักเพียงอย่างเดียว
ก็เท่ากับขาดผลของพระวิญญานเกือบทั้งหมด
สันติสุขหดหาย
ความปลาบปลื้มใจโดนกั๊ก
ความรักมลายไปสิ้น
อยากลงไปดิ้นเพราะขาดสันติสุข
นั่งจุ่มปุ๊ก มองไม่เห็นความดี
ความปราณีไม่รู้อยู่ไหน
เจออะไรก็ไม่มีการบังคับตน
ความอดทน ไม่ถึง
หน้าตาถมึงทึงเพราะขาด ความสุภาพอ่อนน้อม
แล้วก็บอกว่า อีกแล้วเหรอ
แล้วก็อาจจะบ่นๆๆ ว่าๆๆ นินทาๆๆ คนที่ได้ยินคือเรา
อ้วกออกมาก็กินซ้ำเอง หว่านสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น หว่านความรักก็ได้ความรัก (จากพระเจ้า)

ส่วนเขาไม่รู้เรื่องด้วยว่าเราเกลียด พอเดินมาเจอหน้าเรา
อาจจะยิ้มให้เรา โดยที่ไม่รู้ชะตากรรมอะไรเลยก็ได้
เมื่อเรามีภาพเป็นกายเดียวกันเราย่อมไม่ทำลาย ทำร้ายร่างกายเราเอง
เพราะว่าไม่มีผู้ใดเกลียดชังเนื้อหนังของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูและทนุถนอม เหมือนพระคริสต์ทรงกระทำแก่คริสตจักร  เอเฟซัส 5:29
ผมอาจจะมีผิวดำ แต่ผมไม่มีทางลอกหนังตัวเองออกแน่นอน ผมไม่อยากเป็นกบที่โดนถลกหนัง

พี่น้องเชื่อไหมครับว่าเราเป็นกายเดียวกัน เราเป็นร่างกายเดียวกัน
เรารักอวัยวะทุกอย่างในร่างกายเราไหม ถ้าคุณไม่พอใจ ผมขอได้ไหม ขอตัดทิ้ง
ใครที่เจ็บ พระเยซู

ความรักตอนนี้ คือให้เรารักศัตรู และกระทำต่อเขาด้วยความรัก
ผมเคยได้ฟังบางคนพูดว่า รักนะแต่ไม่แสดงออก
ถ้าใครเห็นด้วยกับคำนี้ ถ้าพระเยซูบอกว่ารักนะแต่ไม่แสดงออกกับเราบ้างล่ะ

เมื่อเรานมัสการ ร้องเพลงไปเถอะ…………………….อะ
ร้องจนตับไต ไส้พุง จะหลุดออกมาทางปาก ขอพระเจ้า
สำแดงความรัก เราก็จะไม่พบ
ถ้าพระเจ้าบอกว่า ใกล้ตายจริงๆก่อน เดี๋ยวเราจะมาช่วย ล่ะ
ในหนังในละคร บางเรื่อง มักจะบอกรักกันตอนจะตาย น่ะครับพี่น้อง
ผะ ผะ ผม ระ ระ รักคุณ
ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น
**แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง

1 เปโตร 4:8
ที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรหมดก็คือจงรักซึ่งกันและกันให้มาก
เพราะว่าความรักลบล้างความผิดมากมายได้


ถ้าเราตอบแทนความโกรธด้วยความโกรธจะเกิดอะไรขึ้น
แต่ถ้าเราตอบแทนความโกรธด้วยความรักล่ะพระคัมภีร์บอกเราว่า
ความรักลบล้างความผิดมากมายได้ ถ้าเรามีความโกรธและ
ความเกลียดชัง ความเกลียดชังเร้าให้เกิดการวิวาท
** แต่จงรักศัตรูของท่านทั้งหลาย และทำการดีต่อเขา จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะได้คืนอีก บำเหน็จของท่านทั้งหลายจึงจะมีบริบูรณ์  รวมถึงพระพรด้วย
พระเยซูบอกว่า ยกหนี้ให้หมดแล้ว แต่เราขอบคุณพระเจ้า แต่เราไม่ยกโทษให้พี่น้อง
มาถึงตรงนี้ จงรักศัตรู หลายคนอาจจะบอกว่า อาเมนนน
แต่ข้างในนี่ ชาตินี้ เอ็งกับข้าอย่าได้เจอกัน พระเจ้าบอกว่า

จงให้อภัยแก่ศัตรู
โลกนี้บอกว่า จงให้อภัยและลืมๆมันไปซะ
แต่พระเจ้าบอกว่า จงให้อภัยและต้อนรับเขากลับมาด้วยความรัก
พระเยซูบนไม้กางเขนพระองค์ก็ทนอับอาย เยาะเย้ย เหยียดหยาม แต่พระองค์ไม่ได้บอกรักเฉพาะคนที่เชื่อพระองค์ แต่ทุกคนที่ทำร้ายพระองค์
มันเป็นอุบายของซาตานอีกแล้วที่ทำให้ ความรัก มลายหายไป
เราเป็นพระฉายที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา เขาล้อเลราก็เท่ากับล้อเลียนการทรงสร้าง

และอย่าเรียกร้องการชดใช้หนี้เลย ยกหนี้ให้เขาจนหมด

จำเรื่องที่ ทาสคนหนึ่งได้รับการยกหนี้จากนาย
แล้วออกมาขูดรีดหนี้กับเพื่อนทาสด้วยกันได้ไหมครับ

ถามว่า  ยากมั๊ยครับ
ถ้ามีคนโกงเงินคุณไป คุณจะรักเขาได้ไหม
ถ้ามีคนด่าคุณ นินทาคุณ เพื่อให้คุณพินาศ คุณจะรักเขาได้ไหม
วิธีจัดการกับคำนินทา 3 วิธี
-    ยอมแพ้และเลิกล้มการรับใช้
-    อดทนและรับใช้ต่อไปด้วยความขมขื่น
-    เอาชนะด้วยความรักของพระเจ้า …ใครจะว่าเราหน้ามึนก็ไม่เป็นไร

ถ้ามีคนทำให้เราเจ็บปวดในเรื่องอะไรก็ตาม คุณจะรักเขาได้ไหม
2 ทิโมธี เมื่อเราดำเนินตามพระองค์ เราต้องเจอการข่มเหง
แต่พระเจ้าสัญญาว่าจะมาสถิตอยู่กับเราและเสริมกำลังเรา
ในพระธรรม ฟีเลโมน ความรักของฟีเลโมน ได้มีไปถึงทาสของเขาที่ทรยศเขาด้วย
เมื่อเปาโลได้เขียนจดหมายถึง ฟีเลโมน
ว่าให้เขายกโทษให้กับ โอเนสิมัสแล้ว
ยังให้เขารับ โอเนสิมัสกลับเข้าทำงานเหมือนเดิมด้วย
** แล้วใครเล่าจะทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้าได้ อะไรก็ตามไม่มีอะไร
ทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้าได้ และเราจะมีชัยเหลือล้นโดยพระองค์


นี่เป็นภาพที่งดงามที่แสดงถึงพระเยซูคริสต์ทรงชดใช้หนี้แทนเรา
พระองค์ทรงชดใช้ทั้งหมด
ความรักที่แท้จริง คือการชดใช้และยอมรับผู้ที่กลับใจแล้ว
มัทธิว 5:43,44
ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า จงรักคนสนิท และเกลียดชังศัตรู
ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน
** อะไรจะโปรโมชั่นขนาดนั้น ลดแลกแจกแถมสุดๆ
ในลูกา 6:25-35 ได้บอกสิ่งที่เราปฏิบติจ่อศัตรูของเรา
-    จงรักศัตรู
-    จงทำดีแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน
-    จงอวยพรแก่คนที่แช่งด่าท่าน
-    จงอธิษฐานเผื่อคนที่เคี่ยวเข็ญท่าน
-    ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันอีกข้างให้ตบด้วย เขาหลอกให้เราเดินไป 1 กม ก็เดินแถมไปอีก 1 กม
-    ใครยึดเอาเสื้อคลุมของท่านไป ถ้าเขาจะเอาเสื้อตัวในด้วยก็อย่าหวง
-    ใครริบเอาของไปอย่าทวงคืน
นี่คือความรัก
บำเหน็จของท่านจึงจะมีบริบูรณ์
และนี่คือพระพร
เราไม่ควรจะแก้แค้นจริงๆ พระเยซูเรียกร้องไม่ให้เราแก้แค้น
** หนังจีนชอบบอกว่า แค้นนี้ต้องชำระ แต่พระเจ้าสอนเราว่า แค้นนี้ต้องชำระ
อ่านไม่ผิดครับ คือชำระตัวเอง  (คือชำระตัวเอง ใจของตัวเอง)

1 เปโตร 1:22 
ที่ท่านทั้งหลายได้ชำระจิตใจของท่านให้บริสุทธิ์แล้ว ด้วยการเชื่อฟังความจริง จนมีใจรักพวกพี่น้องอย่างจริงใจ ท่านทั้งหลายจงรักกันให้มากด้วยน้ำใสใจจริง
ความรักที่จริงใจคือการให้ โดยไม่คิดถึงตนเอง ดังนั้น
คนที่คิดแต่ตนเองก็ไม่สามารถที่จะรักใครได้จริงๆเลย

ถ้าเราพยายามด้วยกำลัง มันจะยาก
แต่ความรักที่พระเจ้าใส่ในเรา คือพระวิญญาณแห่งความรัก
เพียงเราเชื่อฟัง เราจะทำได้ นี่คือหนทางที่ถูก
วันนี้ เพียงเรารับเอาความรักจากพระเจ้าแล้ว
เราต้องสำแดงความรักด้วย
ความรักคือรากฐาน ที่มั่งคง แม้ว่าแผ่นดินจะไหว เราก็จะไม่ล้ม
วันนี้เราไม่ได้ฟังเรื่อง เทศกาล เรื่องเดือน ที่เราเรียกยากๆ
จงมีความรักครับ
ความรักไม่ทำอันตรายเพื่อนบ้านเลย เหตุฉะนั้นความรักจึงเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน

พระองค์ปกป้องเราเพื่อไม่ให้หันกลับเข้าไปหาความยุติธรรมด้วยกำลังตนเอง
การแก้แค้นเป็นของพระเจ้า
หน้าที่เราคือรักและอธิษฐานเพื่อเขา
สิ่งนี้ทำให้เราสามารถเอาชนะความชั่วด้วยความดี

เป็นเรื่องไม่ยากนักที่เราจะไม่ทำร้ายผู้อื่น
แต่กลับยากที่จะริเริ่มทำสิ่งดีๆแก่ผู้อื่น
** เราทุกคนต่างเป็นพวกตัวปัญหาที่มารวมตัวกัน ในยุคสมัยของพระเยซู
สาวกที่ติดตามพระองค์แท้ๆ ยังมีปัญหา ทะเลาะกัน แก่งแย่งกันว่าใครจะได้เป็นใหญ่
ใครจะนั่งซ้ายหรือขวา
…แต่พระองค์ทรงมีความรักและให้อภัยเขา อดทนต่อพวกเขาแต่ละคน
จงเรียนที่จะผ่านหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน
จงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
“เพราะความรักนั้นย่อมผูกพันทุกสิ่ง
ไว้ให้ถึงความสมบูรณ์”
ถ้าเรามีความรักต่อพระเจ้า เราเองจะรักผู้อื่นได้
ถ้าเราเองมีหัวใจแบบพระเจ้า เราเองจะรักผู้อื่นได้
เพราะพระองค์ทรงเป็นความรัก

ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด   กาลาเทีย 5:13
พระเจ้าทรงเป็นความรัก และพระวิญาณที่อยู่ภายในเราก็เป็นความรัก
เมื่อพระองค์ประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้เรา
คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราต้องเป็นต้นไม้ที่ออกผล
ผลแห่งความรัก
ดังนั้นชีวิตโดยพระวิญญาณ
คือ พระเจ้าให้เรามีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพ
เพื่อวิสัยบาปตนเอง คือเนื้อหนัง
แต่จงรับใช้กันด้วยความรัก
การใช้เสรีภาพเพื่อเนื้อหนัง ความจริงไม่ใช่เสรีภาพ แต่เป็นการผู้มัดและตกเป็นทาส
ความรัก คือการอุทิศตนโดยไม่มีเงื่อนไข  
ความรักคือกุญแจที่ไขไปสู่ของผลฝ่ายวิญญาณทั้งหมด
คลิ๊กรูปดูขนาดใหญ่


ลองอ่านออกเสียง แทนพระนามพระเยซูแทนความรัก
และแทนชื่อเราเองในความรัก
1 โครินธ์ 13:4-8
ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว
ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด
ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ
ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
ความรักไม่มีวันสูญสิ้น แม้การเผยพระวจนะก็จะเสื่อมสูญไป แม้การพูดภาษาแปลกๆนั้นก็จะมีเวลาเลิกกัน แม้วิชาความรู้ก็จะเสื่อมสูญไป

ความรักตรงข้ามกับความบาป ความบาปคือสิ่งที่ไม่ใช่ลักษณะของพระเจ้า
ความรักเป็นการซ่อมแซมรอยแตกระหว่างกัน
ความรักรื้อฟื้นความสัมพันธ์ ที่แตกสลายและถูกทำลาย
ความรักลบล้างผลร้ายต่าง ๆ
ความรักแสวงหาและวิ่งตามศัตรู และเอาชนะมันให้ได้
ความรักมีความกล้าหาญต่ออีกฝ่ายแม้เขาไม่อยากจะฟัง
มัทธิว 5:23-24
เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นแล้ว และระลึกได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน
เมื่อเราคืนดีกันด้วยความรักแล้ว และเราก็ให้อภัยกันด้วยความรักแล้ว
พลังของกายเดียวจะเป็นพลังที่รวมของประทานและเป็นพลังขับเคลื่อนไป
เราจะเป็นเครื่องบูชาอันหอมที่พระเจ้าพอพระทัย

 เราจะได้ดื่มด่ำกับความรักของพระเจ้า
ไม่แค่เราคนเดียวที่จะได้รับ แต่ทั้งคริสตจักรเราจะดื่มด่ำกับความรักด้วยกัน
พระพรของฉันอยู่บนทางนั้น จะเป็นจริงในชีวิตพี่น้อง
อธิษฐาน

บัญญัติของใหญ่คือความรัก และความรักเป็นกุญแจ
ที่จะเข้าสู่ประตูแห่งพระพรด้วย เรารอคอยพระพรนานหรือยัง
ถ้านานแล้ว เราได้ใช้กุญแจดอกนี้หรือยัง
ตั้งแต่นี้ไปเราประกาศการยุติกิจการทั้งหมดของซาตาน
ที่ล่อลวงเราให้ออกจากความรักของพระเจ้า เราประกาศว่า เอ็งแพ้แล้วว
แผนการทั้งหมดสิ้นสุดนับแต่บัดนี้ คริสตจักรนี้จะเป็นคริสตจักรแห่งความรัก



ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

ชีวิตที่เติบโต (ผลของพระวิญญาณ)


ถ้าเราพูดถึงคำว่าผู้ใหญ่ อะไรที่จะเป็นตัววัดว่า เราเป็นผู้ใหญ่
ถ้าภายนอกก็คือร่างกาย ความสูง ความคิดอ่าน อายุและวุฒิภาวะใช่
และถ้าเป็นฝ่ายวิญญาณล่ะอะไรที่เป็นตัววัดถึงการเติบโตฝ่ายวิญญาณ
-    การจบโรงเรียนพระคัมภีร์หรือ (ด๊อกเตอร์)
-    การท่องพระคัมภีร์ ความรู้พระคัมภีร์มากๆหรือ
แต่มันอยู่ที่เมื่อเรามีพระวจนะเราใช้พระวจนะมากเพียงใดต่างหาก
ตรงกันข้ามกับความโง่เขลา คือความรู้
แต่ฝ่ายวิญญาณ สิ่งที่ตรงข้ามกับความโล่เขลาก็คือ การเชื่อฟัง
ความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณนั้นเพื่อสร้างนิสัยเพื่อเป็นบุคลิกภาพที่ดี
เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ในความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ คือเราต้องเห็นผลของชีวิตที่ออกมา
สุภาษิต 11:30
ผลของคนชอบธรรมเป็นต้นไม้แห่งชีวิต การฝ่าฝืนกฎหมายย่อมทำลายชีวิต
ผลจะดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่ต้น ผลของพระวิญญาณเมื่อก่อนพระองค์จะไปพระองค์
บอกว่าจะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน แล้วพระองค์ก็เอาวิญญาณของพระองค์
ใส่ไว้ในเรา พระองค์ต้องการให้เรามีผลที่ดี เราต้องแตกต่างจากโลก
ความรู้นั้นคนที่ไม่เป็นคริสเตียนก็หาความรู้พระคัมภีร์ได้ แต่เขาเป็นต้นไม้ที่ไม่มีผล

ผลที่ดีก็คือแบบอย่างที่ดี เช่นพระเยซู ผลที่ดีจะเป็นตัวดึงดูด
คนเข้ามาถึงพระเจ้า
มัทธิว 7:17-20
ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว
ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้
ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ
เหตุฉะนั้น ท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา

เราต้องเป็นต้นไม้ที่ดี ที่ออกผลถ้าปราศจากผลเราก็เป็นต้นไม้ที่ตายแล้ว
เราต้องมีผล ผลที่ว่าคือผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ใน
กาลาเทีย 5:22-23
ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
1.ความรัก
ประการแรกพระเจ้าให้เรามีความรัก ความรักที่เอาใจใสและเป็นห่วง
ความรักคือ ความชอบ พึงใจ หลายครั้งเราบอกว่า รักๆๆ แต่ผลที่แสดงออกมาเราเป็นดั่งที่ปากเราได้พูดไหม เรายังนินทากันเองอยู่ด้วยซ้ำ เรายังไม่ให้อภัยกันด้วยซ้ำ มองและคอยแต่จับผิดไม่ได้มองหาส่วนดีของกันแต่มองหาแต่ส่วนเสียหายและทำร้าย กัน

แน่นอนมันช่างเป็นอะไรที่ง่ายที่เราจะเปล่งเสียงว่ารัก
 แต่มันเป็นอะไรที่ยากที่เราจะสำแดงความรักและมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก
เราจะระงับอารมณ์โกรธได้แค่ไหนเมื่อมีคนที่ทำผิดต่อเรา
เอาเปรียบเราในการรับใช้ ความรักของพระเจ้านั้นทนได้แม้ความผิด
พระเจ้าไม่ได้พูดเท่านั้น แต่พระองค์ทำด้วย ความผิดเราล่ะ
เรารู้แน่นอนว่าพระเจ้ารักเราไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งที่เรามีความผิดนี่แหละ
เห็นไหมพระองค์ก็รักและอดทนต่อความผิดของเราด้วย
นี่คือความรักแท้ที่พระคัมภีร์บันทึกและให้ความหมายของความรักได้ดีที่
สุดกว่าหนังสือทุกเล่มบนโลกนี้ นี่เป็นความรักแบบอย่างของพระเยซู
พระองค์ทำได้ทุกอย่างที่กล่าวมา และพระองค์ที่อยู่ในเราคือพระวิญญาณก็พร้อมที่จะช่วยเราด้วย ความรักนั้นไม่มีวันสูญสิ้น ไม่ว่าเรากำลังเผชิญสิ่งใดก็ตามแม้เราจะเจอคนที่ทำให้เราเจ็บแค่ไหน ทำผิดต่อเราแค่ไหน เราต้องไม่ลืมว่า ความรักที่ไม่มีวันสูญสิ้นยังคงอยู่ และไม่เคยหมดไปจากเราเลย
เอเฟซัส 5:1,2
เหตุฉะนั้นท่านจงเลียนแบบของพระเจ้า ให้สมกับเป็นบุตรที่รัก และจงดำเนินชีวิตในความรัก เหมือนดังที่พระคริสต์ได้ทรงรักเราทั้งหลาย และทรงประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาอันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า
เลียนแบบพระเจ้าสิ คือทำตามพระเจ้า จะดีมั๊ยถ้ามีคนบอกว่า เก่งเหมือนพ่อเลย เราจะภูมิใจขนาดไหน เพราะเราสมกับเป็นลูกของพ่อของเรา จงดำเนินชีวิตในความรัก

1 เปโตร 4:8
ที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรหมดก็คือจงรักซึ่งกันและกันให้มาก เพราะว่าความรักลบล้างความผิดมากมายได้
ถ้าเราตอบแทนความโกรธด้วยความโกรธจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าเราตอบแทนความโกรธด้วยความรักล่ะพระคัมภีร์บอกเราว่า ความรักลบล้างความผิดมากมายได้ ถ้าเรามีความโกรธและความเกลียดชัง ความเกลียดชังเร้าให้เกิดการวิวาท

สุภาษิต 10:12
แต่ความรักนั้นครอบงำบรรดาการทรยศเสีย
สำนวนพระคัมภีร์ NIV บอกว่า ความเกลียดชังยั่วยุให้เกิดความแตกแยก แต่ความรักบดบังความผิดทั้งมวล

ความเข้มแข็งของคริสตจักรที่เป็นกายเดียวคือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว จงมีความรักแก่กันและกันเพื่อหล่อหลอมความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ซาตานต้องการให้เราขาดความรักและแตกแยกกันเองเกลียดชังกันเอง “จงมีความรัก”
ลูกา6:35
แต่จงรักศัตรูของท่านทั้งหลาย และทำการดีต่อเขา จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะได้คืนอีก บำเหน็จของท่านทั้งหลายจึงจะมีบริบูรณ์ และท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด เพราะว่าพระองค์ยังทรงโปรดแก่คนอกตัญญูและคนชั่ว

คือการอุทิศตนโดยไม่มีเงื่อนไข ความรักคือกุญแจที่ไขไปสู่ของผลฝ่ายวิญญาณทั้งหมด

1 โครินธ์ 13:1-7    กาลาเทีย 5:22-23
ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ,ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง    ความรัก
ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ    ความปลาบปลื้มใจ (ชื่นชมยินดี)
ไม่ฉุนเฉียว สงบและมั่นคง    สันติสุข
ความรักก็อดทนนาน    ความอดกลั้นใจ (อดทนนาน)
กระทำคุณให้ไม่อิจฉา     ความปราณี (ใจเมตตา)
ความรักนั้นยิ่งใหญ่ ทรงคุณ ใจกว้าง กรุณาให้แต่สิ่งดี     ความดี
ความรักไม่ช่างจดจำความผิด แต่มีความเชื่อ เชื่อในส่วนดี    ความสัตย์ซื่อ
ความรักไม่หยิ่งผยอง และสุภาพ ไม่อวดตัว    ความสุภาพอ่อนน้อม (ถ่อมสุภาพ)
ความรักคือมีวินัยและรู้จักบังคับตน
ไม่ประพฤติเหลวไหล    การรู้จักบังคับตน (การควบคุมอารมณ์)

1 เปโตร 1:22
ที่ท่านทั้งหลายได้ชำระจิตใจของท่านให้บริสุทธิ์แล้ว ด้วยการเชื่อฟังความจริง จนมีใจรักพวกพี่น้องอย่างจริงใจ ท่านทั้งหลายจงรักกันให้มากด้วยน้ำใสใจจริง
พระวจนะบอกเราว่าถ้าเราเกลียดชังผู้ใด เกลียดชังพี่น้อง เมื่อเราเป็นกายเดียวกันก็เป็นเหมือนพี่น้องกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะพ่อคนเดียวกัน เมื่อเราเกลียดกันขาดความรักต่อกันและกัน มันได้ได้จบแค่นั้น แต่เราเปรียบเหมือน ฆาตกร
1 ยอห์น 3:15
ผู้ใดที่เกลียดชังพี่น้องของตนผู้นั้นก็เป็นผู้ฆ่าคน และท่านทั้งหลายก็รู้แล้วว่า ผู้ฆ่าคนนั้นไม่มีชีวิตนิรันดร์ดำรงอยู่ในเขาเลย
ดังนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ทรงยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง
พระเจ้าให้เรารักทุกๆคน ไม่เว้นแม้แต่คนที่ทำร้ายเรา ด้วยการกระทำหรือคำพูด
เราอาจจะอยากตอกกลับไปแต่พระเจ้าให้เราหันแก้มอีกข้างให้เขาตบ (1 โครินธ์ 13:7)
ความรักนั้นมาจากพระเจ้า เมื่อเราทุกคนเรียนที่จะรักเราก็เป็น
ผู้ที่บังเกิดมาจากพระเจ้า

เราต้องให้อภัยคนที่เรารัก เคยได้ยินไหมครับว่า
ลืมๆไปซะ ให้ยกโทษให้เขาเถอะ แล้วก็อย่าไปยุ่งกับเขาอีก
ต่างคนต่างอยู่ไป
แต่…..พระเจ้าให้เรา ให้อภัยและต้อนรับด้วยความรัก … โอว ยากนะ
เมื่อเขากลับใจเราต้องไปไกลกว่าเดิม คือ ยอมรับด้วยความรัก
และไม่เรียกร้องการชดใช้หนี้
มัทธิว 5:43,44
ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า จงรักคนสนิท และเกลียดชังศัตรู
ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน

มาจากพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก
เมื่อพระเจ้ารักเราขนาดยอมให้พระบุตรพระองค์มาสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
เราก็ควรจะรักกันและกันด้วย
1 ยอห์น 4:20
ถ้าผู้ใดว่า "ข้าพเจ้ารักพระเจ้า" และใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้
ความรักจึงเป็นทางไปสู่ความรอดด้วยเช่นกัน ตอนที่บาเรียนทดสอบพระเยซูแล้วถามว่าทำอย่างไรจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์
ลูกา 10:27
เขาทูลตอบว่า "จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้า ด้วยสุดกำลังและสิ้นสุดความคิดของเจ้า และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

ยอห์น 13:34
เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น

ยอห์น 13:35
ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา

2.ความปลาบปลื้มใจ ชื่นชมยินดี
ความชื่นชมยินดี ความดีใจ ยินดีปรีดา
ความปลาบปลื้มใจ คือ ความยินดีที่เกิดขึ้นจากภายใน เป็นความยินดี ดีใจ ปลื้มใจ
สิ่งต่างๆมากมายในแต่ละวันอาจจะรบกวนเราให้เราขาดความชื่นชมยินดีไป พระเจ้าต้องการให้เรามีชีวิตที่อยู่ในความปลาบปลื้มใจ

สดุดี 9:2
ข้าพระองค์จะยินดีและปลาบปลื้มใจในพระองค์ ข้าแต่องค์ผู้สูงสุด ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

บางครั้งบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ได้มาจากพระเจ้าก็กำลังคลืบคลานเข้าไปยึดเอา ความปลาบปลื้มใจของเราไป และแทนที่ด้วย ความเศร้า หดหู่ และการคิดร้ายต่างๆ เมื่อเรารู้ว่าพระเจ้าที่อยู่ในเราเป็นพระวิญญาณแห่งความปลื้มปีติยินดี ให้เราจงปลาบปลื้มยินดีในพระองค์ที่ออกมาจากภายใน
พระเจ้าผู้ประทานสิ่งดีพระองค์ไม่ได้ประทานงูให้กับบุตรของพระองค์แทนปลา แต่พระองค์ได้จัดเตรียมคุณภาพชีวิตที่ดีไว้ให้กับเราทั้งหลายที่เป็นบุตรของ พระองค์ มัทธิว 7:9,10


เยเรมีย์ 31:12
เขาทั้งหลายจะมาร้องเพลงอยู่บนที่สูงแห่งศิโยนและเขาจะปลาบปลื้มเพราะของดี ของพระเจ้า เพราะเมล็ดข้าว เหล้าองุ่น และน้ำมัน และเพราะลูกของแกะและโค ชีวิตของเขาทั้งหลายจะเหมือนกับสวนที่มีน้ำรด และเขาจะไม่อ่อนระทวยอีกต่อไป

อย่าให้ซาตานแย่งความปลาบปลื้มใจในพระองค์ไปจากเราเลยพระเจ้าเตรียมสิ่งดี ไว้เพื่อเราจะปลาบปลื้มใจในสิ่งดีทั้งหลายที่พระองค์จะทรงประทานให้แก่เรา อาเมน

ยอห์น 15:11
นี่คือสิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเรา ดำรงอยู่ในท่านและให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม
ความชื่นชมยินดีเป็นเรื่องภายในฝ่ายวิญญาณ ไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ภายนอก เรายังสามารถชื่นชมยินดีได้ แม้ถูกทดลอง
ยากอบ 1:2
ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่างๆก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
ความชื่นชมยินดีเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรพระเจ้า
โรม 14:17
เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุข และความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์
พระคัมภีร์หนุนใจให้เราชื่นชมยินดี

สดุดี 5:11
แต่ให้คนทั้งปวงที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์นั้นเปรมปรีดิ์ ให้เขาร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีอยู่เสมอ และขอทรงป้องกันเขาไว้ เพื่อคนที่รักพระนามของพระองค์จะปรีดาปราโมทย์อยู่ในพระองค์

ฟิลิปปี 4:4
จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด
ในพระคัมภีร์สั้นๆ ฟิลิปปีมีคำว่า ชื่นชมยินดีอยู่ 16 ครั้งด้วยกัน
จงชื่นชมยินดีไม่ใช่แค่ตัวเองแต่ในผู้อื่นด้วย
4 ขั้นตอนที่ฟิลิปปีบอก
- เลิกตัดสินแรงจูงใจของผู้อื่น ในขณะรับใช้
ใน1 โครินธ์ 4:4 อ. เปาโลบอกว่า ท่านผู้ทรงพิพากษาตัวข้าพเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
- ใส่ใจในงารับใช้ของพี่น้องคนอื่นด้วย
แม้งานรับใช้เราเองจะมีอุปสรรค แต่เราสามารถชื่นชมยินดีได้
เมื่อเราเห็นงานรับใช้ของพี่น้องก้าวหน้า เพราะเรามีเป้าหมายเดียวกัน
- เรียนที่จะถ่อมตัวลงเช่นพระเยซูคริสต์
แม้จะโดนดูถูกเหยียดหยาม แต่พระเจ้าจะยกเราขึ้นสู่จุดที่สูงที่สุด
- อย่าหวังสิ่งตอบแทน
จงเรียนรู้ที่จะเผชิญในทุกสถานการณ์ ทั้งอิ่มท้อง และอดอยาก
อิสยาห์ 35:10
ผู้ที่รับการไถ่แล้วของพระเจ้าจะกลับ และจะมายังศิโยนด้วยร้องเพลง มีความชื่นบานเป็นนิตย์บนศีรษะของเขาทั้งหลาย เขาจะได้รับความชื่นบานและความยินดี ความโศกเศร้าและการถอนหายใจจะปลาตไปเสีย

สดุดี 98:4
ชาวโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงเปล่งเสียงชื่นบานถวายแด่พระเจ้า เปล่งเป็นเสียงเพลงชื่นบานและร้องเพลงสรรเสริญ

3. สันติสุข

สันติสุขคือความเงียบสงบจากภายใน ปราศจากการต่อสู้กัน
ปราศจากความกระวนกระวาย และวิตกกังวล และความกลัว
ความวุ่นวาย มักตรงข้ามกับ สันติ
พระเจ้าไม่ได้ให้เราวุ่นวายใจ แต่พระองค์นำสันติมาให้แก่เรา

ชีวิตเราบางครั้งเราขาดสันติสุขหรือไม่ เช่นเดียวกันเรามักโดนแย่งสันติสุขที่เราควรมีไปจากภายในเรา อันที่จริงเราไม่ได้โดนแย่ง แต่เรายอมที่จะเสียมันไปเองต่างหาก เราต้องเชื่อๆว่าพระเจ้าได้ประทานสันติสุขให้กับเรา พระองค์ทรงเป็นสันติสุข
2 เธสะโลนิกา 3:16
ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติสุข ทรงโปรดประทานสันติสุขให้แก่ท่านทั้งหลายทุกเวลาและทุกทาง ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่กับท่านทุกคนเถิด

เอเฟซัส 6:23
ขอให้พวกพี่น้องได้รับสันติสุขและความรักโดยความเชื่อ มาจากพระบิดาเจ้า และจากพระเยซู
คริสตเจ้า

พระเจ้าบอกเราหลายครั้งในพระคัมภีร์ว่าพระองค์ได้ทรงประทานสันติสุขไว้ปล้ว ให้กับเรา สันติสุขที่พระองค์ทรงมอบแก่เรานั้นไม่ใช้สันติสุขหรือทรัพย์สมบัติมากมาย ทรัพย์สินเงินทอง แต่สันติสุขของพระเจ้าที่มอบให้กับเรานั้นไม่ใช่แบบที่โลกนี้มี

ยอห์น 14:27
เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย

สันติสุขแท้คือสันติสุขที่ออกมาจากภายในมาสู่ภายนอก ไม่ใช่ภายนอกเข้าไปสู่ภายใน ถ้าเราพบสันติสุขที่แท้จริงแม้เราจะพบเจอความยากลำบาก หรือการทุกยากในโลกนี้ เราก็จะยังคงมีสันติสุขซึ่งอยู่ภายในเรานั่นเอง

ยอห์น 16:33
เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว

ขอสันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด
สันติสุขแท้ที่เราอาจะไม่สามารถอธิบายหรือเข้าใจได้ คือสันติสุขที่จะนำเราเข้าสู่ความสุขภายในแม้สถานการณ์รอบข้างเราจะเป็นเช่น ไร เราจะยังคงไว้ด้วยชีวิตที่มีสันติสุข สันติสุขที่จะดูแลคุ้มครองความคิดของเราไว้ ขอบคุณพระเจ้า

ฟีลิปปี 4:7
แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์

1 โครินธ์ 14:33
เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งการวุ่นวาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติสุข ตามที่ปฏิบัติกันอยู่ในคริสตจักรแห่งธรรมิกชนนั้น

ลูกา 2:14
"พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งปวงซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานนั้น"

เอเฟซัส 2:14
เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลง

โรม 5:1
เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้วเราจึง {หรือ ให้เรา} มีสันติสุขในพระเจ้า ทางพระเยซูคริสตเจ้าของเรา

พระเยซูประทานสันติสุขให้แก่ผู้ที่ติดตามพระองค์
ยอห์น 14:27
เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย

ยอห์น 16:33
เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว"

จำเป็นที่เราต้องมีสันติสุข เราต้องสวมสันติสุขที่เป็นยุทธภัณฑ์ของพระเจ้า
เอเฟซัส 6:15
และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า

ฟิลิปปี 4:7
แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์

2 โครินธ์ 13:11
ในที่สุดนี้พี่น้องทั้งหลายขอลาก่อน ท่านจงปรับปรุงตัวให้ดี จงฟังคำวิงวอนของข้าพเจ้า จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และพระเจ้าแห่งความรักและสันติสุขจะทรงสถิตอยู่กับท่าน

โคโลสี 3:15
และจงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านไว้ให้เป็นกายเดียวด้วย เพื่อสันติสุขนั้น และท่านจงมีใจกตัญญู

4. ความอดกลั้นใจ อดทนนาน
คุณสมบัติของการอดทนคือ ความสามารถในการอดทน
ต่อสถานการณ์ที่ไม่น่าจะทนได้ และทำอย่างชื่นชมยินดี
และอดทนได้อย่างทรหดยาวนาน
ความอดทนนี้จะเป็นคุณสมบัติที่พระเจ้าเองก็มีด้วย

ความอดกลั้นใจ คือ ระงับ ยับยั้ง ระงับใจ ยับยั้งใจ
หลายครั้งเลยใช่ไหมที่หลายคนอาจจะจินตนาการว่า ได้ชกหน้าคนที่ทำร้ายเรา คนที่ใส่ร้ายเรา คนที่ทำผิดต่อเรา กลั่นแกล้งเรา และบางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความคิด แต่มันได้กระทำออกมาจริงๆ นี่คือตัวอย่างของการที่ไม่อดกลั้นใจไว้ได้

เอเฟซัส 4:2
คือจงมีใจถ่อมลงทุกอย่าง และใจอ่อนสุภาพอดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกัน ด้วยความรัก

จงถ่อมใจลงทุกอย่าง เมื่อดูเรื่อง The Passion นั้นตอนที่เขาจับพระเยซูไปและโบยตี ลากไปตามทาง เยาะเย้ย ถากถาง ดูถูกสารพัด พระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าต้องยอมถ่อมพระทัยลง อดทนอดกลั้นไว้เพื่อให้แผนการของพระบิดา ที่เป็นแผนการแห่งการทรงไถ่นั้นสำเร็จ และพระองค์ก็ผ่านข้อสอบนี้ไปได้ ก่อนจะประทานให้กับเราเป็นผู้สอบต่อไป พระองค์ทำให้เราเห็นว่า มนุษย์ก็สามารถทำได้
จงถ่อมใจลงและสุภาพอ่อนโยนในทุกด้าน ทุกด้านคือทุกอย่างรอบด้าน เราต้องพบเจอหลายสิ่งรอบด้านเรา คนที่ดูถูกเรา ทับถมเรา กดขี่เรา เยาะเย้ยถากถาง เย้ยหยันเราสารพัด นินทาใส่ร้ายเรา พระเจ้าสอนเราให้รู้จักที่จะอดทนอดกลั้น คือระงับเอาไว้
“จงอดทนอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” ข้อ 3 ก็กล่าวเช่นเดียวกันว่า จงเพียรพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระวิญญาณ ไม่ว่าเราจะผิดหรือจะถูก เราก็มักจะถูกกระตุ้นว่า “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ยอมแพ้ฉันต้องเอาคืน”

โคโลสี 3:12,13
เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน และถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน

เพราะว่าพระเจ้าเลือกเราแล้วให้เป็นพวกบริสุทธิ์ เราต้องแตกต่างเราต้องใส่เสื้อแห่งการอดกลั้นใจ และผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน เขาแรงมาเราต้องรับด้วยความนุ่มนวลและความรัก เราต้องไม่เป็นภูเขาไฟที่กำลังประทุและพร้อมจะระเบิด อย่าพึ่งพากำลังตัวเองที่จะสงบภูเขาไฟ แต่จงมอบภาระนี้พระพระวิญญาณที่อยู่ภายในเป็นผู้ดับ

พระเจ้าเองพระองค์ก็ทรงอดทนอดกลั้นต่อเราทั้งหลายด้วยเช่นเดียวกัน พระองค์อดทนต่อการทำผิดแล้วผิดอีก บาปแล้วบาปอีกซ้ำๆซากๆ

โรม 3:25
พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยพระโลหิตของพระองค์ โดยความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อสำแดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น

ปัญญาจารย์ 7:8 บอกเราว่า “มีใจอดกลั้นก็ดีกว่ามีใจอหังการ”
เรามักจะโดนยั่วยุเสมอๆ แต่จงช้าในการโกรธเถิด
สุภาษิต 14:29
“บุคคลที่โกรธช้าก็มีความเข้าใจมาก แต่บุคคลที่โมโหเร็วก็ยกย่องความโง่”

มัทธิว 18:21-22
ขณะนั้นเปโตรมาทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า หากพี่น้องของข้าพระองค์จะกระทำผิดต่อข้าพระองค์เรื่อยไป ข้าพระองค์ควรจะยกความผิดของเขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือ"
พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เรามิได้ว่าเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น แต่เจ็ดครั้งคูณด้วยเจ็ดสิบ

อพยพ 34:6
พระเจ้าเสด็จผ่านไปข้างหน้าท่าน ตรัสว่า "พระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์ พระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา ทรงกอปรด้วยพระคุณ ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และความสัตย์จริง

กันดารวิถี 14:18
"พระเจ้าทรงพระพิโรธช้า ทรงอุดมในความรักมั่นคง ทรงโปรดยกโทษและให้อภัยการทรยศ แต่ถือว่าไม่มีโทษหามิได้ ให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานสามชั่วสี่ชั่วอายุ"

สดุดี 86:15
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้ากอปรด้วยพระกรุณาและพระเมตตา ทรงกริ้วช้า และอุดมด้วยความรักมั่นคง และความสัตย์สุจริต

บางครั้งเราคิดว่าพระเจ้าทรงล่าช้า และลืมไปแล้ว พระองค์ประทาน
พระสัญญาแต่ทำไมเรารอแล้วรออีกก็ไม่เคยได้คำตอบเลย
พระองค์ไม่ได้นิ่งนอนพระทัย แต่พระองค์อดทนต่อเราทั้งหลาย
พระทัยของพระองค์ไม่ประสงค์ให้ใครพินาศแต่ต้องการให้กลับใจ

2 เปโตร 3:9
องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้า ในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่

เราต้องอดทนเพราะพระเจ้าให้เรามีความอดทนอดกลั้นใจ
โคโลสี 1:11
ขอให้ท่านมีกำลังมากขึ้นทุกอย่างโดยฤทธิ์เดชแห่งพระสิริของพระองค์ ขอให้ท่านมีความทรหดที่สุด และความอดทนไว้นานด้วยความยินดี

เอเฟซัส 4:2
คือจงมีใจถ่อมลงทุกอย่าง และใจอ่อนสุภาพอดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกัน ด้วยความรัก
เราต้องสวมใส่ความอดทนอดกลั้นเพราะเป็นคุณสมบัติฝ่ายวิญญาณด้วย

โคโลสี 3:12
เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน
ความอดทนอดกลั้น ในภาษากรีกนั้นแปลว่าระยะห่างจากขอบเส้นอารมณ์
คือการอดกลั้นและระงับอารมณ์ เมื่อถูกกระตุ้นและยั่วเย้าให้เกิดอารมณ์
ที่จะนำไปสู่การทะเลาะ
ฮีบรู 10:36
ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความอดทน เพื่อว่าท่านจะได้สามารถกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านจะได้รับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้นั้น

ช้าที่จะพูดถ้อยคำที่ตอบโต้ด้วยอารมณ์ออกไป คำพูดอ่อนหวานและสุภาพไม่ใช่คำพูดแห่งการพ่ายแพ้อย่าให้เราโดนหลอก พระเจ้าให้เรามีสติปัญญา จงอดทน
สุภาษิต 15:1
คำตอบอ่อนหวานช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป
แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ

ฮีบรู 10:36
ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความอดทน เพื่อว่าท่านจะได้สามารถกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านจะได้รับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้นั้น

เราต้องอดทนดีกว่าที่จะปล่อยให้ความโกรธระเบิดออกมา
และนำเราตกสู่หลุมพรางความบาป
เราต้องเรียนรู้ที่จะเอาชนะต่อการร้ายที่เข้ามาปะเรา
มีอยู่ 3 วิธี
- ยอมแพ้ไปและเลิกรับใช้
- อดทนแต่รับใช้ต่อไปอย่างขมขื่น
- เอาชนะด้วยพระคุณของพระเจ้า

5.ความปราณี
ความปรานีคือ ความเมตตา เผื่อแผ่
พระเยซูพระองค์เป็นพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาปรานี พระองค์ปรานีเราและยั้งการลงพระอาชญากับเราที่ทำผิดบาปซ้ำๆ แต่หลายคนมักเป็นบ่าวที่ได้รับการยกโทษยกหนี้จากผู้เป็นนาย เมื่อออกมาแล้วกลับมาขู่เข็ญและบังคับเอาหนี้จากเพื่อที่เป็นบ่าวด้วยกัน และนี่ก็เป็นภาพที่มีมาถึงคนในยุคนี้ด้วยเช่นกันที่ขาดความปรานี หลายครั้งที่คนหันมาจับผิดกันเอง เอาผิดพี่น้อง ซ้ำเติมคนที่เราชิงชัง ซ้ำเติมศตรูที่ล้มลง

มัทธิว  18:23-35
"เหตุฉะนั้น แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนเจ้าองค์หนึ่งทรงประสงค์จะคิดบัญชีกับทาส เมื่อตั้งต้นทำการนั้นแล้ว เขาพาคนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้หนึ่งหมื่นตะลันต์ {หนึ่งตะลันต์ มีค่าประมาณสองหมื่นบาท} มาเฝ้า ท่านจึงสั่งให้ขายตัวกับทั้งเมีย และลูกและบรรดาสิ่งของที่เขามีอยู่นั้นเอามาใช้หนี้ เพราะเขาไม่มีเงินจะใช้หนี้ ทาสลูกหนี้ผู้นั้นจึงกราบลงวิงวอนว่า "ข้าแต่ท่าน ขอโปรดผัดไว้ก่อน แล้วข้าพเจ้าจะใช้หนี้ทั้งสิ้น" เจ้าองค์นั้นมีพระทัยเมตตา โปรดยกหนี้ปล่อยตัวเขาไป แต่ทาสผู้นั้นออกไปพบคนหนึ่งเป็นเพื่อนทาสด้วยกัน ซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่หนึ่งร้อยเดนาริอัน จึงจับคนนั้นบีบคอว่า "จงใช้หนี้ให้ข้า" เพื่อนทาสคนนั้นได้กราบลงอ้อนวอนว่า "ขอโปรดผัดไว้ก่อนแล้วข้าพเจ้าจะใช้ให้" แต่เขาไม่ยอม จึงนำทาสลูกหนี้นั้นไปจำจองไว้จนกว่าจะใช้เงินนั้น ฝ่ายพวกเพื่อนทาสเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ก็พากันสลดใจยิ่งนัก จึงนำเหตุการณ์ทั้งปวงไปกราบทูลเจ้าองค์นั้น ท่านจึงทรงเรียกทาสนั้นมาสั่งว่า "อ้ายข้าชาติชั่วเราได้โปรดยกหนี้ให้เอ็งหมด เพราะเอ็งได้อ้อนวอนเรา เอ็งควรจะเมตตาเพื่อนทาสด้วยกัน เหมือนเราได้เมตตาเอ็งมิใช่หรือ" แล้วเจ้าองค์นั้นกริ้วจึงมอบผู้นั้นไว้แก่เจ้าหน้าที่ให้ทรมาน จนกว่าจะใช้หนี้หมด พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงกระทำแก่ท่านทุกคนอย่างนั้น ถ้าหากว่าท่านแต่ละคนไม่ยกโทษให้แก่พี่น้องของท่านด้วยใจกว้างขวาง"

โคโลสี 3:12

เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน

ลูกา 6:36
ท่านทั้งหลายจงมีความเมตตากรุณา เหมือนอย่างพระบิดาของท่านมีพระทัยเมตตากรุณา

นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พระเจ้าเรียกร้องให้เรามีความเมตตาปรานีด้วย เมื่อพระองค์ทรงปรานีเราเพื่อให้เราลืมตาอ้าปากได้ นี่เท่ากับว่าเป็นพระคุณของพระเจ้า เราได้รับการยกโทษหลายคดีที่มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต เพราะความบาปนำมาซึ่งความตาย แต่พระเจ้ายกหนี้ให้หมดแล้ว ฉะนั้นเมื่อเราเดินออกมา เราจะไม่เมตตาปรานีผู้อื่นเชียวหรือ
ขอให้ชีวิตเราเต็มไปด้วยความเมตตาปรานี

6.ความดี
ความดี คือ ไม่ชั่ว ไม่ทราม ไม่เลว งาม ชอบ
ความดีในที่นี้คือความดีที่สะท้อนออกมาจากภายใน ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ สร้างภาพ ความดีไม่ใช่เพื่อคนจะยกย่อง แต่เพื่อพระเกียรติสิริของพระเจ้า

มัทธิว 5:16
ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์

มัทธิว6:1 ในสำนวนฉบับ NIV กล่าวว่า “อย่าทำความดีเพื่อเอาหน้า ถ้าทำเช่นนั้นท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านในสวรรค์”
เราไม่ได้ทำความดีเพื่อให้ตัวเองดูดีแต่เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า ในแต่ละวันเราต้องทำสิ่งต่างๆมากมาย แต่การทำดีคือไม่ทำชั่ว ไม่ทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมตามใจปรารถนา พระวิญญาณจะสอนเราว่าสิ่งไหนเหมาะสมและสิ่งไหนไม่เหมาะสม สิ่งไหนเป็นที่ถวายเกียติพระเจ้าและสิ่งไหนไม่ถวายเกียรติพระเจ้า คำว่าคริสเตียนจะถูกจับจ้องจากคนรอบข้างที่จะคอยจับผิด ว่านี่หรือคริสเตียนในโลกที่มืดมิดนี้ เราต้องเป็นแสงสว่างของโลก เราต้องแตกต่างจากโลก และไม่ดำเนินชีวิตแบบโลกนี้เพื่อคนทั้งหลายที่พบเห็นและสัมผัสจะมองไปถึงพระ เจ้าของเรานั่นเอง
1 โครินธ์ 10:31
ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์

ฟีลิปปี 1:10,11
เพื่อท่านทั้งหลายจะสังเกตได้ว่าสิ่งใดประเสริฐที่สุด และเพื่อท่านจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ และไม่เป็นที่ติได้ในวันแห่งพระคริสต์ จะได้เป็นผู้ที่บริบูรณ์ด้วยผลของความชอบธรรม ซึ่งเกิดขึ้นโดยพระเยซูคริสต์ เพื่อถวายพระเกียรติและความสรรเสริญแด่พระเจ้า

ด้วยเหตุความดีนี้เองความชั่วจะมีชัยชนะก็เป็นไปไม่ได้ ความชั่วตรงข้ามกับความดี และความดีก็คือพระเจ้า ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับความชั่ว

โรม 12:21
อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี

ความดีจะนำเราไปในความมืด และเป็นแสงสว่างที่นำทาง เราเป็นความสว่างและความสว่างนั้นต้องออกผลออกมาเป็นผลแห่งความดี
(ด้วยว่าผลของความสว่างนั้น คือความดีทุกอย่างและความชอบธรรมทั้งมวลและความจริงทั้งสิ้น)
เอเฟซัส 5:9

ความดีพูดง่ายแต่ทำยาก และการทำยากก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้ และต้องทำด้วย ชีวิตต้องมีผลที่ดี แต่ถ้ารู้ว่าการทำดีเป็นสิ่งที่ต้องทำแต่ถ้าไม่ทำก็เท่ากับว่าบาป เพราะพระคัมภีร์ก็บอกเช่นนั้นใน

ยากอบ 4:17
เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทำ คนนั้นจึงมีบาป

อย่ากลัวที่จะทำดี อย่ากลัวคนที่อิจฉา อย่ากลัวคนที่หมั่นไส้ อย่ากลัวคนที่นินทา ใส่ร้ายในการทำดีของเรา เพราะพระวจนะบอกว่า

1 เปโตร 3:13,17
ถ้าท่านทั้งหลายใฝ่ใจประพฤติความดี ผู้ใดจะทำร้ายท่าน
เพราะว่า การได้รับความทุกข์เพราะทำความดี ถ้าเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า ก็ดีกว่าจะต้องทนอยู่เพราะการประพฤติชั่ว


เป็นการกระทำที่บริสุทธิ์หรือเป็นที่ชอบธรรม เป็นคุณสมบัติที่พระเจ้ามีด้วย
สดุดี 6:10
แน่ทีเดียวที่ความดีและความรักมั่นคงจะติดตามข้าพเจ้าไป ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์

ในพระคัมภีร์คำใกล้เคียงกับคำว่าความดี คือ ใจที่กว้างขวางและมีน้ำใจด้วย
โคโลสี 1:10
เพื่อท่านจะได้ประพฤติอย่างที่สมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และทำตนให้เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์ ให้เกิดผลในการดีทุกอย่าง และจำเริญขึ้นในความรู้ถึงพระเจ้า

กาลาเทีย 6:10
เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อคนทั้งปวง และเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวที่มีความเชื่อ

โรม 7:19
ด้วยว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าปรารถนาทำ ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำ แต่การชั่วซึ่งข้าพเจ้ามิได้ปรารถนาทำ ข้าพเจ้ายังทำอยู่

7.ความสัตย์ซื่อ
ความสัตย์ซื่อ คือ ความตรงและความจริง ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง ไม่นอกใจ
พระเจ้าพระองค์ทรงสัตย์ซื้อและเที่ยงธรรม และพระองค์ประสงค์ให้เราเป็นผู้สัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมด้วย ในโลกยุคปัจจุบันนี้ สิ่งที่ตรงข้ามกับความสัตย์ซื่อนั้นมีมากมายมากขึ้นเรื่อยๆ การคดโกง การคอรัปชั่น เอารัดเอาเปรียบกัน 1 บาทยังโกงกันเลย มันบ่งบอกถึงวิญญาณที่อยู่ภายใน แต่เราต้องแตกต่าง เพราะสิ่งที่อยู่ในเราไม่ใช่วิญญาณชั่ว แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อ บางคนอาจจะคิดว่า เล็กๆน้อยๆก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ถ้ารถโดยสารทอนเงินเราเกิน 1 บาท เราจะคืนไหม แล้วถ้าไม่เจอรถคันนั้นอีกล่ะ อย่าลืมว่าพระเจ้ายุติธรรมและเที่ยงธรรมด้วย พระองค์วินิจฉัยจิตใจเป็น พระองค์ดูที่ภายในจิตใจของเราว่าเรามีความตั้งใจที่จะคืนเงิน 1 บาทนั้นหรือไม่ ถ้าเราสัตย์ซื่อแม้ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ พระเจ้าก็จะนำเราไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่าขึ้นไปอีก

หรือเป็นความหนักแน่นมั่นคง ความจงรักภักดี
รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ที่วางใจได้
และเสมอต้นเสมอปลาย
เมื่อเราเชื่อในพระเจ้าและเราได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียน
เราได้ประกาศแล้วว่าเราจะหันหลังให้กับความบาป
และความอธรรมทั้งหมด และเราเองก็ต้องสัตย์ซื่อที่จะไม่หันกลับไปอีก

มัทธิว 25:23
นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"

ถ้าแม้เพียงเล็กน้อยเรายังสัตย์ซื่อไม่ได้ ถ้าเราเป็นเจ้านายคนและมีพนักงานที่ไม่สัตย์ซื่อ เราจะยังกล้าเลื่อนตำแหน่งให้เขาไปดูแลงานที่ใหญ่ขึ้นไปหรือไม่ ไม่แน่นอน เราต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ ไม่ใช่แต่เพียงพระเจ้าแต่กับมนุษย์ด้วยกันด้วย

ลูกา 16:10,11
"คนที่สัตย์ซื่อในของเล็กน้อยจะสัตย์ซื่อในของมากด้วย และคนที่อสัตย์ในของเล็กน้อย จะอสัตย์ในของมากเช่นกัน เหตุฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายไม่สัตย์ซื่อในทรัพย์สมบัติอธรรรม ใครจะมอบทรัพย์สมบัติอันแท้ให้แก่ท่านเล่า

ทิตัส 2:10
อย่าให้ยักยอกแต่ให้สัตย์ซื่อหมดทุกอย่าง เพื่อว่าในการทั้งปวงนั้น เขาจะได้เทิดเกียรติพระดำรัสสอนของพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา

แม้เราจะมีในสิ่งเล็กน้อย อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ อย่าโลภพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ จงขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี เราอาจจะไม่มีบ้านที่หลังใหญ่ๆ แต่เราก็ไม่ต้องไปนอนใต้สะพานหรือใต้ถนน เราอาจจะมองว่าตัวเองไม่มีของประทานที่เท่ากับคนอื่นหรือเด่นเท่ากับคนอื่นๆ แต่จงสัตย์ซื่อในของประทานที่เรามี จะมีประโยชน์อะไรถ้าเรามีของประทานและงานที่ใหญ่แต่ไม่สัตย์ซื่อ สิ่งเล็กน้อยที่เรามีและเราได้รับเราจะต้องมองให้เห็นพระคุณของพระเจ้า พระคุณไม่ใช่ว่าเราจะต้องได้มากๆเสมอไป แต่นี่อาจจะเป็นบททดสอบความสัตย์ซื่อบางอย่างที่พระเจ้ากังทดสอบเราก็เป็น ได้

มัทธิว 25:22,23
คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า "นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์" นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"

ลูกา 19:17
พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า "ดีแล้วเจ้าเป็นทาสที่ดี เพราะเจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อยเจ้าจงมีอำนาจครอบครองสิบเมืองเถิด"

จงสัตย์ในทุกสิ่งในชีวิต เพราะพระองค์ที่อยู่ในเราเป็นพระเจ้าที่สัตย์ซื่อ ทั้งด้านดารกระทำ ความคิดจิตใจ และคำพูด

1 โครินธ์ 4:1-2
ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้อารักขาสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า
ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้ทุกคน

8.ความสุภาพอ่อนน้อม
คือความอ่อนน้อมถ่อมตนแต่ไม่ใช่อ่อนแอ ไม่รุนแรงไม่ฉุนเฉียว
ความสุภาพอ่อนน้อม คือเรียบร้อย อ่อนโยน ละมุนละม่อม เคารพนบนอบ
หลายคนอาจจะเคยพบเจอคนที่พูดจาสนทนาแบบขวานผ่าซาก บุคลิกแข็งกร้าว หรือก้าวร้าวและดูเหมือนจะเย่อหยิ่ง เมื่อถูกตักเตือน คนเหล่านี้อาจจะมีข้อแก้ตัวที่ว่า “ฉันเป็นของฉันแบบนี้ ใครจะทำไม รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ อย่ามองฉันแค่ภายนอกสิ” ถ้าเรากลับไปดูเรื่องความรักที่ผ่านมานั้น ถ้าเรามีความรักเราจะไม่แคร์ความรู้สึกใครเหรอหรือ พระเยซูเองเป็นพระเจ้าที่สุภาพอ่อนน้อม ถ้าทุกครั้งที่เราเข้าไปหาพระเจ้าและเจอต่ความแข็งกร้าวจะเกิดอะไรขึ้น พระเจ้าต้องการให้เราเห็นแก่ผู้อื่นด้วยเช่นเดียวกัน การที่มีความสุภาพอ่อนน้อม ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง หรือบุคลิกภาพส่วนตัวไป

เอเฟซัส 4:2
คือจงมีใจถ่อมลงทุกอย่าง และใจอ่อนสุภาพอดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกัน ด้วยความรัก

พระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า ที่สอนให้เราดำเนินชีวิตให้สมกับการทรงเรียก เราเรียกตนเองว่าคริสเตียน คริสเตียนคือ พระเยซูน้อยๆที่จะออกไปสำแดงแก่โลกนี้ให้เห็นถึงพระลักษณะและอุปนิสัย บุคลิกภาพ ของพระเยซู ถ้าเราบอกว่าเราเป็นคริสเตียนแต่เราขาดหัวใจที่สุภาพอ่อนน้อม เราก็แค่อ้างว่าเราเป็นคริสเตียน

เราต้องมีหัวใจที่ถ่อมด้วยถ้าเราจะเป็นคนที่มีใจที่สุภาพอ่อนน้อม ถ่อมคือ ทำให้ต่ำลงกว่าที่เห็น พระเจ้าพระองคู้เป็นเจ้าของจักรวาลนี้ แต่พระองค์ถ่อมตัวเองลงให้ต่ำลงมาในโลกนี้ พระเจ้าผู้ทรงเกียรติได้ถ่อมลงเพื่อเรา ไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหน มีความรู้จบสูงแค่ไหน แต่พระเยซูเป็นแบบอย่างให้เราได้เห็นว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ถ่อมใจและสุภาพอ่อนน้อม พระคำตอนหนึ่งบอกเราว่า จงเอาแอกของพระองค์และแบกไว้ และเรียนจากพระองค์

มัทธิว 11:29
จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก

เราต้องมองภาพการเป็นกายเดียวกันไว้ เราต้องมีความรักต่อกันเราซึ่งเป็นคริสเตียน หรือผู้รับใช้ของพระองค์ ไม่ว่าจะเผชิญอะไรก็ตามเราต้องสวมใจอ่อนสุภาพ เราจะต้องเจอการยั่วโทสะให้เรามีอารมณ์แต่เราต้องอดทนเราต้องสวมผลของพระ วิญญาณให้ครบทุกอย่าง และเมื่อเรามีหัวใจที่อ่อนสุภาพนั้น พระเจ้าจะกระทำการของพระองค์ต่อเอง เขาจะเปลี่ยนแปลงกลับใจ ไม่ใช่เพราะเรา แต่เพราะนี่คือหัวใจของพระเจ้านั่นเอง

2 ทิโมธี 2:24,25
ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน ชี้แจงให้ฝ่ายตรงกันข้ามเข้าใจด้วยความสุภาพ ว่าพระเจ้าอาจจะทรงโปรดให้เขากลับใจ และมาถึงซึ่งความจริง

1 เปโตร 3:8
ในที่สุดนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน รักกันฉันพี่น้อง มีจิตใจอ่อนโยนและอ่อนน้อม

ฟีลิปปี 4:5
จงให้จิตใจที่อ่อนสุภาพของท่านประจักษ์แก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว

สดุดี 37:11
แต่คนใจอ่อนสุภาพจะได้แผ่นดินตกไปเป็นมรดกและตัวเขาปีติยินดีในความเจริญอุดมสมบูรณ์

ใจที่อ่อนสุภาพนั้น อาจจะไม่ใช่อาวุธที่ดีที่สุดในการจัดการกับศัตรู แต่มันหมายถึงความเชื่อที่สงบและการถ่อมตัวลงกับพระเจ้าว่าเรายอมจำนนที่จะ เชื่อฟังพระองค์ มีความหวังในการช่วยกู้ของพระองค์  พระเจ้าสัญญาไว้ว่าผู้ที่ใจอ่อนสุภาพและถ่อมตัวลงนั้น จะได้บำเหน็จอย่างแน่นอน
มัทธิว 5:5
บุคคลผู้ใดมีใจอ่อนโยน ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก

กาลาเทีย 6:1
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย แม้จับผู้ใดที่ละเมิดประการใดได้ ท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ จงช่วยผู้นั้นด้วยใจอ่อนสุภาพให้เขากลับตั้งตัวใหม่ โดยคิดถึงตัวเอง เกรงว่าท่านจะถูกชักจูงให้หลงไปด้วย

2 ทิโมธี 2:24
ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน

ทิตัส 3:2
อย่าให้เขาว่าร้ายผู้ใด อย่าให้เป็นคนมักทะเลาะวิวาทกัน แต่ให้เป็นคนสุภาพแสดงอัธยาศัยไมตรีอันดีงาม

เราต้องให้สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมชาติของเรา


ยากอบ 3:17
แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง ไม่หน้าซื่อใจคด

ความสุภาพอ่อนน้อม ตรงข้ามกับความเย่อหยิ่ง ความสุภาพอ่อนน้อมพร้อมที่จะยอมรับปรับปรุงแก้ไขในทิศทางที่ดีกว่าเดิม
พระเจ้าทรงโปรดปรานผู้ที่มีความสุภาพอ่อนน้อม
สดุดี 25:5
พระองค์ทรงนำคนใจถ่อมไปในสิ่งที่ถูก และทรงสอนมรรคาของพระองค์แก่คนใจถ่อม

มัทธิว 11:29
จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก
ในบางครั้งเราอาจจะโอ้อวด และเย่อหยิ่งโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว
หรือเราอาจจะเจอคนที่เย่อหยิ่ง โอ้อวด หรือขาดความสุภาพอ่อนน้อม
ทั้งการกระทำและคำพูด เราต้องไม่ตอบโต้ด้วยวิญญาณแบบเดียวกัน
พระเจ้าไม่ประสงค์ให้เราทำการชั่วตอบแทนการชั่ว การร้ายตอบแทนการร้าย

เราต้องสวมใส่ความสุภาพอ่อนน้อม มันอาจจะขัดกับเนื้อหนังของเรา
แต่นี่เป็นบุคลิกที่พระเยซูมีและพระองค์ต้องการให้เรามีด้วย

9.การรู้จักบังคับตน
การรู้จักบังคับตน คือ การควบคุมตัวเอง การรู้จักบังคับตน
จะทำให้เราเป็นนายเหนือทุกสิ่ง
ความสามารถในการควบคุม ปกครองตนเอง ควบคุมความอยาก
พระวิญญาณจะช่วยเราได้อย่างสมดุล
เป็นการควบคุมอารมณ์ ร่างกาย
การบังคับตนจะทำให้เรามีวินัย

หลายครั้งความบาปมักมาในรูปแบบของการยั่วเย้าให้เราอยากทำ อยากลอง มันมีรสชาติที่หวานอร่อย และทางเดินนั้นก็กว้างมากนัก ประตูทางเข้าก็ใหญ่โต ทางเข้าดูสวยหรูแต่เมื่อเข้าไปแล้วคือความตายนั่นเอง เราต้องรู้จักผลของพระวิญญาณแห่งการบังคับตน การบังคับตนนั้นคือการบังคับไม่ให้ตัวเองหลงทางและนำไปสู่ความบาป การบังคับตนก็เป็นการฝึกฝนตัวเองให้อยู่ภายใต้การควบคุม เราต้องฝึกวินัยกับตัวเองอย่างเข้มงวด เราต้องไม่ขาดคุณสมบัติที่จะรับเอารางวัลจากพระองค์

2 ทิโมธี 1:7
เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา
การที่เราไม่รู้จักการบังคับตนนั้น เท่ากับเรายอมแพ้ เรากลัวที่จะต่อสู้ พระเจ้าไม่ได้ประทานใจที่กลัวให้เราแต่พระเจ้าประทานใจที่กอปรด้วยฤทธิ์และ ความรัก และจิตใจที่รู้จักบังคับตนเองให้กับเรา การบังคับตนเองต้องอาศัยการอดทน และต้องบากบั่นมุ่งไป คำว่าบังคับตัวเองคือเอาเนื้อหนังให้อยู่หมัด เราต้องบากบั่นและต่อสู้มุ่งไป ไม่ว่าเราจะต้องเจอกับอะไร ต้องดำเนินชีวิตอย่างมีสติ การบังคับตนคือการที่เราต้องละทิ้งความบาปต่างๆที่ล่อลวงและชักจูงเรา ในทิตัส 2:12 บอกว่า

ทิตัส 2:12
สอนให้เราละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา และดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ สัตย์ซื่อสุจริตและตามคลองธรรม

การรู้จักบังคับตนนั้นเราต้องบังคับตนในเรื่องของ อารมณ์ ความรู้สึกอยาก และความอยากได้ พระคัมภีร์ใน ยากอบได้กล่าวถึงการบังคับตนเองว่า

ยากอบ 1:19-21
ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ได้กระทำให้เกิดความชอบธรรมแห่งพระเจ้า เหตุฉะนั้นจงเลิกความโสมมทั้งหลายแหล่ และการชั่วร้ายอันดกดื่น และจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายให้รอดได้

ช้าในการพูด เราอาจจะพูดอะไรออกไปด้วยอารมณ์และการตอบโต้ เมื่อมีคนที่พูดไม่ดีกับเรา ใส่ร้ายเรา หรือพูดอะไรที่ทำให้เรามีความรู้สึกในแง่ลบ เราเองต้องช้าในการพูด ก็คือมีสติก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ช้าในการโกรธความโกรธไม่ใช่ความบาปแต่เป็นทางนำไปสู่ความบาป และเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดความแตกแยก พระวิญญาณจะคอยเตือนเราอยู่ภายใน แต่เราต้องยอมที่จะฟังและเชื่อฟัง มันอาจจะทรมานที่เราไม่ได้ตอบโต้ใครบางคน แต่เราเองก็ได้สวมผลของการรู้จักบังคับตนแล้ว จำตอนที่โมเสสผิดพลาดได้หรือไม่ครับ พระเจ้าให้โมเสสสั่งหินให้มีน้ำออกมา แต่โมเสสเอง โกรธประชาชนชาวอิสราเอลที่ดื้อดึงและหลงไปกับรูปเคารพอื่นๆ รวมทั้งการบ่นและการขาดความเชื่อ โมเสสระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยการใช้ไม่เท้าตีฟาดไปที่ก้อนหิน นี่เองพระเจ้าไม่พอพระทัยโมเสสเลย เมื่อเรารู้จักบังคับตนเอง ทุบตีเนื้อหนังให้อยู่หมัด ไม่ใช่เพื่อจะเอารางวัลบำเหน็จแต่เพื่อชีวิตและผลฝ่ายวิญญาณของเราจะจำเริญ ขึ้น รางวัลนั้นไม่ใช่มงกุฎที่ร่วงโรยได้ แต่เป็นมงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย เราต้องดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ทีอยู่ภายในเรา และไม่ตอบสนองความต้องการของเนื้อหนัง รู้จักบังคับตน นี่คือผลที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

1 โครินธ์ 9:25,27
ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบ เขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้ แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้

1 โครินธ์ 9:27
แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้

เปาโลหนุนใจและยกตัวอย่างของนักกีฬา
ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกันก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้
ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบ เขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้ แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย
ส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งโดยมีเป้าหมาย ข้าพเจ้ามิได้ต่อสู้อย่างนักมวยที่ชกลม

1 โครินธ์ 9:27
แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้

2 เปโตร 1:6
เอาความเหนี่ยวรั้งตนเพิ่มความรู้ เอาขันตีเพิ่มความเหนี่ยวรั้งตน และเอาธรรมเพิ่มขันตี

ซาโลมอนเองก็ได้ยกย่องคนที่รู้จักบังคับตนและควบคุมตนเองได้
สุภาษิต 16:32
บุคคลผู้โกรธช้าก็ดีกว่าคนมีกำลังมาก และบุคคลผู้ปกครองจิตใจของตนเอง ก็ดีกว่าผู้ที่ตีเมืองได้

การรู้จักบังคับตนเองเป็นของประทานจากพระเจ้า
โรม 8:4 ,9
เพื่อสิ่งที่ธรรมบัญญัติสั่งไว้จะได้สำเร็จในตัวเราทั้งหลาย ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ
ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลายจริงๆแล้วท่านก็มิได้อยู่ ใต้เนื้อหนัง แต่อยู่ใต้พระวิญญาณ ผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์


สรุป
อย่าให้เราดูดีแต่ภายนอกแต่ภายในเราไม่มีผลออะไรเลยที่จะออกมา
ตอนที่พระเยซูสาปต้นมะเดื่อไม่ใช่เพราะพระองค์โกรธ หรือหิว
ต้นมะเดื่อที่ภายนอกดูดีมีใบเขียวแต่กลับไม่มีผล เช่นเดียวกับผลฝ่ายวิญญาณ
ที่ไม่มีสำแดงออกมา ผลฝ่ายวิญญาณที่เสมือนพระฉายของพระเจ้า
เราไม่ได้เป็นฟาริสี
มัทธิว 23:27
วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพซึ่งฉาบด้วยปูนขาว ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตาย และสารพัดโสโครก

ต้นไม้จะยังมีคุณค่าและชีวิต ถ้ามันออกผล
คริสเตียนที่เติบโต และมีชีวิตก็เมื่อมีผลฝ่ายวิญญาณ
1.    ความรัก
2.    ความปลาบปลื้มใจ ชื่นชมยินดี
3.    สันติสุข
4.    ความอดกลั้นใจ
5.    ความปราณี
6.    ความดี
7.    ความสัตย์ซื่อ
8.    ความสุภาพอ่อนน้อม
9.    การรู้จักบังคับตน
เมื่อเรามีผลฝ่ายวิญญาณ เราก็สามารถมั่นใจได้ในชีวิตนิรันดร์
เรายังไม่ตาย
เราต้องเป็นต้นไม้ที่ตื่นจากหลับให้เกิดผล

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship