วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เวลาใหม่สู่ฤดูกาลใหม่ สู่ชัยชนะ


นี่เป็นฤดูกาลใหม่
เเรากำลังเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ของพระเจ้าที่ทรงจัดเตรียมไว้ให้กับเรา
ฝนตก 3 วัน 3 คืนแบบนี้ น้ำท่วมแบบนี้ จริงอยู่อาจจะลำบาก
แต่อย่าให้เรา เราจะไม่บ่น

แต่เราจะประกาศว่า นี่คือฤดูกาลใหม่
ที่พระเจ้าชำระแผ่นดินไว้รอเรา
รอคนของพระองค์ พระองค์ชำระและเคลียร์สิ่งสกปรก
ออกไปหมดแล้ว
เมื่อคืนนี้เมื่อได้ฟังคำสอนของ อ.ชัค เพียซ
ถ้อยคำจากพระเจ้าที่มีมาถึงเราคือ
นี่เป็นเวลาสำหรับเรา
สำหรับประเทศไทยยยย !!

นี่เป็นเวลาของพระเจ้าสำหรับประเทศไทย
และพระเจ้ากำลัง ปลดปล่อย สิ่งใดก็ตามที่ผูกมัดประเทศนี้ออก
เพื่อเราจะเข้าสู่เวลาของพระองค์

เราจะเตรียม เตรียมรับพระสิริของพระองค์ที่กำลังจะมา
อำนาจเก่าๆของแผ่นดินต้องก้มหัวยอมให้กับพระเจ้าผู้จะเสด็จมา

พระเจ้ากำลังให้เราย้ายจากจุดหนึ่ง ไปยังอีกจุดหนึ่ง
เราจะย้ายไปสู่จุดใหม่
ให้เราเตรียมตัวให้พร้อม ในการเคลื่อนจากจุดหนึ่งไปสู่
อีกจุดหนึ่งด้วยกัน

แผ่นดินและอาณาจักรของพระเจ้า กำลังจะเกิดขึ้น
จะมีการเจิมที่หักแอกทั้งหลาย
ศัตรูพยายามที่จะหยุดยั้ง แต่เราจะไม่หยุดอยู่แค่ตรงนั้นอีกต่อ
ไป เราจะไม่เหมือนเดิมที่ จะหยุดเมื่อมีการขัดขวางอีกต่อไป

ให้เราเชื่อว่าพระเจ้าจะนำเราเข้าไปสู่สิ่งใหม่ๆ

โยชูวา 5
เราเห็นแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ที่พระเจ้า
ประทานให้กับเราหรือยัง แผ่นดินใหม่ สิ่งใหม่ๆ
ที่พระเจ้าจะยกและมอบให้เราเป็นมรดก

มันถึงเวลาแล้วที่คนของพระเจ้าจะเคลื่อนขบวน
เข้าสู่แผ่นดินของพระองค์ พระเจ้าให้เราเคลื่อน
ขบวนเข้าสู่แผ่นดินของพระองค์

แต่พระเจ้าให้เรา หยุดอยู่ก่อนที่จะเข้ารู้ไหมครับ
ว่าทำไมเราต้องหยุดก่อน

พระเจ้าให้เราทั้งหลายหยุดรอก่อน เพื่อที่จะส่งออกไป
ด้วยความสดใหม่


ตลอด 40 ปีที่ผ่านมาชาวอิสราเอลได้ปฏิเสธ ดื้อดึงและขาด
ความเชื่อ  เขาถูกกีดกันจากยักษ์
และคนในรุ่นนั้นไปไม่ถึง เขาได้ล้มตายไปจนหมด

แต่..พระเจ้ารอคอยเราที่เป็นคนรุ่นใหม่ มันไม่เกี่ยวกับอายุนะครับ
แต่คือคนที่มีความเชื่อ และพร้อมที่จะยึดครองสิ่งที่พระเจ้ามอบให้

แน่นอนก่อนจะเข้าไปย่อมมีความกลัว ความกังวล ความไม่เชื่อ
ที่ตกทอดมาจากชนรุ่นก่อนที่ปลูกฝังและหยั่งรากไว้
พระเจ้าจึงให้เขาหยุดก่อน อีกอึดใจ อย่าเข้าไปทั้ง
สภาพแบบนี้
และพระเจ้าบอกว่า จงเข้าสุหนัต

พระเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “วันนี้เราได้กลิ้ง(คำฮีบรู  แปลว่า  กลิ้งไปเสีย   มีรากศัพท์เดียวกันกับกิลกาล   ซึ่งแปลว่าวงกลม) ความอดสูเพราะอียิปต์ไปให้พ้นเจ้าแล้ว”   จึงเรียกชื่อตำบลนั้นว่ากิลกาล(ดูหมายเหตุ  1) จนทุกวันนี้
โยชูวา 5:9

ชายอิสราเอลต้องทำพิธีเข้า สุหนัต เพื่อเป็นเครื่องหมาย
ของพันธสัญญาระหว่างเขาและพระเจ้า แต่พิธีเข้าสุหนัต
ไม่ได้มีการปฏิบัติ ในระหว่างการอพยพในถิ่นทุรกันดาร

เมื่อออกมาจากอียิปต์ มีสิ่งเก่าๆ จากดินแดนเก่าๆติดตัวมา
อดีตที่เจ็บปวด ในอียิปต์

เมื่ออิสราเอลเตรียมที่จะทำ สงครามกับชาติต่างๆของคานาอัน
พระเจ้าจึงบัญชาให้เขาเข้าสุหนัต ก่อนที่จะเข้าไปยึดเมือง เยรีโค

แต่ในปัจจุบันนี้ เราเองเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู
เราต้องเข้าสุหนัตเนื้อหนังไม่เคลื่อนไหวต่อหน้า
ศัตรูของเรา คือนิ่งและไม่เคลื่อนไหว

เราเองจึงต้องมีเครื่องหมาย ของการเปลี่ยนแปลง
ในชีวิตของเรา ในฐานะผู้เชื่อ เราเองไม่ได้เข้าสุหนัตเนื้อ
หนัง แต่เราต้องรับการเข้าสุหนัตจิตใจ

(โคโลสี 2:11)
ในพระองค์นั้น   ท่านได้รับพิธีเข้าสุหนัตที่มือมนุษย์มิได้กระทำ
โดยที่ท่านได้สละกายเนื้อหนังเสียในการเข้าสุหนัตแห่งพระคริสต์


พระองค์บอกว่า หยุดก่อน เราจะเอาอุปสรรคออกไปก่อน

พระเจ้าจะปลดปล่อยเราให้พ้นจากสิ่งเก่าๆ พระองค์
จะทรงลิดสิ่งเก่าๆออกไปจากเรา
พระองค์จะทรงขจัดธรรมชาติเก่าๆของเราทิ้งไป
และให้ธรรมชาติใหม่แก่เรา

อุปสรรคที่คนรุ่นก่อนไม่สามารถคว้าเอาพระพรแห่ง
พันธสัญญาได้พระเจ้าต้องการให้ชนรุ่นนี้คว้าได้

ความสงสัย ความสับสน ความนินทา
ความกระวนกระวาย ความกังวล ความกลัว
ความไม่เชื่อในอดีต ความล้มเหลว
ความลังเล ความอับอาย

พระเจ้าบอกว่า เราจะตัดออกให้หมด
พระองค์ให้เรา หยุดเพื่อที่จะเข้าสุหนัต และ
พระองค์จะทรงตัดฤดูกาลเก่าๆ ที่แล้วมาออกไปจากเรา
และส่งเราออกไป

เราต้องยอมเจ็บ เข้าสุหนัตมันเจ็บ
แต่เราตต้องยอมที่จะเจ็บ และเอา
สิ่งเก่าๆ นิสัยเก่าๆของโลกนี้ ตั้งแต่อดีต
ของเราออกไป
เพราะมันฝังรากลึกมาก มันจึงเจ็บ
อาเมน

สิ่งที่หยุดยั้งเราในอดีตจะต้องถูกเอาออกไปก่อน
พระองค์จะส่งดาบลงมา และตัดมันให้ขาด

อย่ากลัว กลัวมั๊ยครับ เมื่อเราวิ่งไปสู่แผ่นดินนั้น อะไรอยู่ตรงหน้าเรา

เมื่อโยชูวา เงยหน้ามองไป เขาเห็น เยรีโค มันเป็นอนาคตแห่ง
พระสัญญาจากพระเจ้า และสิ่งที่ประจันหน้าเราคือกำแพง
กำแพงที่สูงใหญ่
ยักษ์ที่สูงใหญ่
กองทัพที่เข้มแข็ง

บางคนอาจจะเจออุปสรรคมากมาย มีกำแพงปัญหาที่สูงใหญ่
เจอยักษ์ที่เข้มแข็งในชีวิต
วันนี้พระเจ้าบอกคุณว่า คุณจะได้รับชัยชนะ

มันหลอกเราว่าไม่มีทางงงง ที่เจ้าได้เข้าไป
ไม่มีทางที่เจ้าจะได้สิ่งเหล่านั้น
ซาตานจะหลอกเราว่า เราทำไม่ได้ ทำไม่ได้
ไม่มีทาง และเป็นไปไม่ได้

แต่สำหรับพระเจ้า
เราจะเข้าไป เราจะทำได้
มีหนทาง และเป็นไปได้ และเราจะได้รับชัยชนะ

จงคิดในแง่บวกในทุกสิ่ง ทุกสิ่งเป็นได้


นี่เป็นฤดูกาลแห่งการมองเห็น และมองใหม่
ปีนี้เป็นปี อายิน คือดวงตา

จงเบนสายตาจาก
เบนสายตาคือ ละทิ้งสายตา (เหมือนหนังผี ยิ่งดูยิ่งกลัว)
มองสิ่งที่ดี

กำแพงที่สูงใหญ่
ยักษ์ที่สูงใหญ่
กองทัพที่เข้มแข็ง

และหันมามองที่พระเจ้า
เราต้องเชื่อในการจัดเตรียมของพระเจ้า มั่นใจในพระองค์
แผนการของพระองค์ไม่มีทางผิดพลาด และแน่นอน


โยชูวา 5:12
ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นมานา(ดูหมายเหตุในอพย.16:31) ก็ขาดไปคือ   เมื่อเขาได้รับประทานผลจากแผ่นดินคนอิสราเอล ไม่มีมานาอีกเลย   ในปีนั้นเขารับประทานผลจากแผ่นดินคานาอัน

การจัดเตรียมของพระเจ้ายิ่งใหญ่จริงๆ บางครั้งการขาดมานา
เราอาจจะกังวลและเสียดาย การจัดเตรียมของพระเจ้ายิ่งใหญ่


เราอาจจะคิดกังวลและไม่มั่นใจว่า เอ๊ ถ้ายึดเยรีโคไม่ได้
แล้วมานาล่ะ มานาไม่มีแล้ว

การจัดเตรียมของพระองค์แน่นอน และ ชัวว์ ปึ๊ก ชัวว์ป๊าบ
วัยรุ่นพูดกันพระองค์เห็นว่ามานา

ไม่จำเป็นอีกแล้ว ในแผ่นดินใหม่ที่อุดมสมบูรณ์ พวกเขาไม่ต้องรับ
ประทานมานาอีกต่อไป พระเจ้าจัดเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว

ถ้ามันดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนเงียบๆ พระเจ้า
อยู่หรือเปล่า ไม่ตอบเลย
สิ่งนั้นอาจจะอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น

พระเจ้าทรงครอบครองอยู่และรอเรา อย่ากลัวอีกต่อไป
ข้อ 15
และจอมพลโยธาของพระเจ้าจึงสั่งโยชูวาว่า “จงถอดรองเท้าออกจากเท้าของเจ้าเสีย   เพราะว่าที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์”   โยชูวาก็กระทำตาม


เพราะว่าที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์
พี่น้องพระเจ้าทรงครอบครองแล้ว
พระองค์ได้ส่งกองทัพของพระองค์ไปด้วยกันกับเรา
พระเจ้าอยู่กับเรา
วันนี้ใครที่กำลังเผชิญสิ่งใดก็ตามในชีวิต นี่เป็นฤดูการมองเห็น
และมองใหม่

สิ่งที่ดูเหมือนเราเอาชนะไม่ได้ในอดีต
วันนี้ เดี๋ยวนี้เราจะชนะได้ อาเมน
เราจะเหยียบมัน กระทืบมัน สลัดมันออก และก้าวข้ามไป

…………………………………………………………………………………………....
ก่อนจะจบ ผมอยากหนุนใจด้วยเรื่องๆหนึ่ง
อ ธีหนุนใจเราหลายครั้งว่า
ท่านจะพลิกและเปลี่ยนแปลงประเทศไทย (ท่านเชื่อเช่นนั้นหรือไม่)
หน้าตาแบบนี้แหละ จะพลิกปะเทศ

ถ้าวันนี้เรายังมีความกังวลอยู่และกลัวในบางสิ่งบาง
อย่างในชีวิตที่หลอกให้เราหยุด และไม่กล้าเดินเข้าไป
ฉันไม่เก่งพอ มันใหญ่ไปฉันทำไม่ได้ อย่าดูถูกตัวเอง
พระเจ้าทำสิ่งเล็กให้ใหญ่
วันนี้พระเจ้าถามคุณว่า อะไรอยู่ในมือคุณ

มองมือตัวเองสิ อะไรอยู่ในมือคุณ
นี่เป็นคำถามเดียวกับที่พระเจ้าถามโมเสสว่า
อะไรอยู่ในมือของเจ้า


โอ๊ยพระเจ้า เป็นข้าพระองค์หรือ
ข้าพระองค์เล็กน้อย
ข้าพระองค์การศึกษาไม่มี
ข้อพระองค์ไม่มีอำนาจอะไรเลย ชาวบ้านธรรมดา
ข้าพระองค์ไม่ร่ำรวย
จะทำอะไรได้

เมื่อโมเสสตอบว่า
ไม้เท้าอยู่ในมือของข้าพระองค์
พระเจ้าตรัสว่า โยนมันลงไป

พระเจ้าให้โมเสสเห็นว่าไม้เท้าที่ธรรมดาสามารถทำสิ่งที่อัศจรรย์ได้
ไม้เท้านี้แหละที่แยกทะเลแดง
ไม่ใช่เพราะไม้เท้านั้นเป็นไม้เท้าที่วิเศษ แต่พระองค์ต่าง
หากที่ยิ่งใหญ่กว่าปัญหา และอุปสรรคใดๆ

เพียงแค่ว่า “จงวางใจ” และเชื่อ

อย่าให้เราใช้เวลาย้อนสู่อดีตความล้มเหลวที่พลาดพลั้ง
และอยากจะย้อนกลับไปทำใหม่ หรือกังวลถึงอนาคตวัน
ข้างหน้าและนั่งคิดจะแก้ไขและนั่ง

หาทางออกด้วยตัวเอง จนเสียเวลามากไปหรือไม่
เวลานี้พระเจ้าเรียกเราให้ทำสิ่งใหม่ ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสียและโน้มตัว
ออกไปข้างหน้า เลิกเสียใจและออกไปรับรางวัลที่พระเจ้ามอบให้

จงหยุดและเข้าสุหนัต และให้พระเจ้าตัดอดีตที่
มันเป็นตัวปัญหาและอุปสรรคออกไปจากชีวิตของคุณ

เมื่อพระเจ้าถามว่าอะไรอยู่ในมือของเรา
สิ่งที่เรามีอยู่ในตอนนี้แม้มันจะเล็ก
น้อยก็จงมองดูมันและเอาออกมาให้พระเจ้า
พระองค์จะใช้สิ่งที่เราคิดว่าเล็ก
น้อยในชีวิตของเราเพื่อประโยชน์ไม่ใช่แค่ตัวเราแต่มวลประชาติ
และเพื่อพระเกียรติจะเป็นของพระองค์

ดังเช่นโมเสสนำอิสเรเอล หลายแสนคนออกจากอียิปต์

จงมอบทั้งหมดที่เรามีทั้งชีวิตให้กับพระองค์
กลับมาและเบนสายตามาจดจ่อ
กับสิ่งที่พระเจ้าจะกระทำในชีวิตของเรา

พระเจ้าใช้ไม้เท้าธรรมดาของโมเสสเพื่อสอนโมเสส
พระองค์จะใช้บางสิ่งในชีวิตเพื่อสอนเรา

พระองค์ใช้สิ่งของธรรมดา
เพื่อจุดประสงค์ที่พิเศษ และเพื่อการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่
ชีวิตเราอาจจะมีบางสิ่งที่เราคิดว่าธรรมดาซึ่งโลกนี้ไม่ยอม
รับว่ามันมีประโยชน์ อย่าเหมารวมว่าพระเจ้าจะไม่สนใจที่
จะใช้คนธรรมดาอย่างเรา


เพียงแต่เรายอม ยอมให้ไม้เท้าธรรมดาของเรานั้นมาเป็นไม้เท้าของพระเจ้า
เมื่อเรามอบสิ่งธรรมดาให้เป็นของพระเจ้า
อะไรจะเกิดขึ้น

กองทัพอันเล็กน้อย ที่อ่อนแรงของอิสราเอล
ไม่มีอาวุธที่ร้ายกาจเท่าเยรีโค
ไม่มีรถม้ารถรบ มันธรรมดาเสียจริง

เราจะเอาชนะได้ พูดดังๆ ข่มขวัญศตรู ฉันจะเป็นผู้ชนะ
ฮู้ววว…..!!! อาเมน ฮาเลลูยา

อธิษฐานเผื่อ ให้พระเจ้าตัด และเอาดูการเก่าๆ อดีตเก่าๆ
ออกไป

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship




คำเทศนา เวลาใหม่ ฤดูกาลใหม่ สู่ชัยชนะ


คัมภีร์ ทองมาก เทศนาเรื่อง "เวลาใหม่ ฤดูกาลใหม่ สู่ชัยชนะ"
เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2010 ณ คริสตจักรธารพระพร
Kumpee Thongmak Preached about "New Time New Season For Victory"
in Sunday Morning service, on October 17, 2010, @Stream of Blessing church.

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ฤดูกาลฝ่ายวิญญาณฤดูใหม่ เพื่อเข้าใจความรักของพระเจ้า


เราซึ่งเป็นคริสเตียนนั้นต้องเข้าใจฤดูกาลใหม่ของพระเจ้า เข้าใจในความรักของพระเจ้าและเข้าใจยุทธศาสตร์ของซาตานเพื่อเราจะไดรับชัย ชนะ ยุท
ธศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของซาตานก็คือ ให้เราคิดถึงความรักของพระเจ้าให้ต่ำกว่าความเป็นจริง ซาตานไม่ต้องการให้เราเข้าถึงความรักของพระเจ้า

อิสยาห์ 14
เอเสเคียล 28

ชื่อแรกของซาตานคือลูซีเฟอร์ที่มีตำแหน่งสูงและอยู่บนสวรรค์ ลูซีเฟอร์นั้นเต็มไปด้วยการเจิม และอยู่เคียงข้างพระบัลลังก์ของพระเจ้า และเป็นทูตสวรรค์ที่มีความงดงามมาก

เราสามารถตัดสินในการเชื่อฟังพระเจ้า ลูซีเฟอร์เองก็เช่นกันที่สามารถตัดสินใจในลักษณะแบบนี้ได้ วันหนึ่งจึงได้คิดกบฏต่อพระเจ้า และอยากจะยิ่งใหญ่กว่าทูตสวรรค์ใดๆ และได้ชักชวนทูตสวรรค์อื่นๆด้วยให้คิดกบฎและต่อสู้กับพระเจ้า ทูตสวรรค์ 1 ใน 3 ก็เห็นด้วย

ตอนนั้นได้เกิดสงครามในสวรรค์และซาตานได้ตกลงมาบนโลกใบนี้ ถ้าซาตานไม่คิดและสงสัยในความรักพระเจ้าก็คงไม่มีซาตานในโลกใบนี้ เมื่อตกมาบนโลกซาตานเองก็ได้พยายามต่อสู้เพื่อไม่ให้มนุษย์ไม่ได้รับสิ่งที่ ดีที่มากจากพระเจ้า

อาดัมและเอวาพระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นมาให้ครอบครองโลกนี้ อวยพรโลกนี้ พระประสงค์ของพระองค์ต้องการดำเนินและพูดคุยกับอาดัมและเอวา แต่ซาตานเองมาในรูปแบบของงูและทำให้เขาสงสัยในความรักของพระเจ้า นี่เป็นเป้าหมายของซาตาน

อาดัมและเอวา สงสัยในความรักของพระเจ้า และต่อสู้ในความรักของพระเจ้าจนไปสู่การทำบาป เรื่องในพระคัมภีร์เดิมนี้เสมือนเรื่องเดียวคือ พวกเขาสงสัยในความรักของพระเจ้า กับเชื่อในความรักของพระเจ้า

พระเยซูทรงทราบยุทธศาสตร์ของซาตานดี 2 ประเด็นเท่านั้นคือ
-เชื่อในความรักของพระเจ้า
-สงสัยในความรักของพระเจ้า

ยุทธศาสตร์นี้คือเพื่อให้เรา ไม่ สงสัยในความรักของพระเจ้า เชื่อในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา

มัทธิว 18:1-14
เอเฟซัส 3:14-21


แต่ละวันเราเองเดินกับพระเจ้าแบบไหน เราสงสัยในความรักของพระเจ้าหรือไม่ ท้อแท้และถดถอยหรือไม่ เราเองได้ก้าวเข้าสู้ยุคสุดท้าย

สิ่งสำคัญที่สุดนั้นไม่ใช่หมายสำคัญและการอัศจรรย์ แต่เป็นชีวิตที่ดำเนินในความรักของพระเจ้า ตอนหนึ่งที่พระเยซูตรัส คนที่อ้างว่าทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ พระองค์ตรัสว่า เราไม่รู้จักเจ้า

ในวาระสุดท้ายกุญแจคือ ?
เรารู้ถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่ ? เราต้องก้าวเข้าไปสู่มิติแห่งการสำแดงความรักต่อพระองค์ เพื่อเดินบนเส้นทาง

เอเฟซัส 3

พระวิญญาณบริสุทธิ์คือผู้ใด จะบอกได้อย่างไร ?
มีพระประสงค์อะไร ?

ฤดูกาลนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์อยากทำการอย่างมากจริงๆในเรา มีการสำแดงจากพระวิญญาณ แต่ชีวิตไม่ได้เปลี่ยน บางครั้งเราได้รับไฟ แต่ไม่มีอะไรรองรับ

เราต้องมีพระวจนะเพื่อรักษาไฟของพระเจ้า พระองค์ต้องการให้ผู้เชื่อก้าวเข้าสู่มิติฝ่ายวิญญาณใหม่ เพื่อเข้าใจความรักของพระเจ้าและปลดปล่อยฟ้าสวรรค์มาบนโลกนี้ ประเทศไทยและคนไทยอีก 99% ยังรออยู่ คนจากห้องชั้นบนออกไปนำคนเป็นหมื่นเพราะเขารู้จักพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ไม่ต้องการให้สัก 1 คนพินาศไป

พระองค์ต้องการเปิดมิติหัวใจไปสู่พระคำของพระองค์ เพราะพระองค์รักเรา

กิจการ 10:38
คือ เรื่องพระเยซูชาวนาซาเร็ธ   ว่าพระเจ้าได้ทรงเจิมพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์   และด้วยฤทธานุภาพอย่างไร   และพระเยซูเสด็จไปกระทำคุณประโยชน์   และรักษาบรรดาคนซึ่งถูกมารเบียดเบียน   เพราะว่าพระเจ้าทรงสถิตกับพระองค์

ลูกา 4:17-21

เมื่อพระเยซูรับบัพติศมาและพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระ เยซู พระเจ้าตรัส เจ้าเป็นบุตรทีรักของเรา เราจะได้ยินเมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระวิญญาณ "เจ้าเป็นบุตรที่รักของเรา"
ยอห์น 7:37-39

ร่างกายของเรานั้นประกอบด้วยน้ำ 95% และไม่สามารถที่จะแยกน้ำนั้นออกจากร่างกายได้ เพราะน้ำนั้นแทรกอยู่ในส่วนต่างๆของร่างกาย นี่เป็นกุญแจที่ให้ชีวิตแก่เรา พระวิญญาณก็เป๋นเช่นนั้น เราต้องดื่มน้ำเราขาดน้ำไม่ได้ เราจะตาย

ยอห์น 14:12-18

"เรา จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน" พระองค์ทรงเป็นอาดัมคนที่สองเพื่อให้เราเริ่มต้นใหม่ เพื่อที่จะทำลายคำแช่งสาป และคริสตจักรเป็นเอวาคนที่สอง คือเจ้าสาวของพระองค์

เอวาคนแรกล้มเหลว พระองค์ทรงเป็นอาดัมคนที่สอง และต้องการช่วยคนให้รอดเพื่อที่จะเอาแผ่นดินสวรรค์มาบนโลก ดังนั้นเอวาคนที่สองพระองค์ไม่เรียกว่าผู้อุปถัมป์หรือผู้ช่วย แต่พระองค์ทรงเอื้อมไปที่พระองค์เองและเอาพระวิญญาณของพระองค์มาใส่ไว้ใน ชีวิตของเรา เพื่อเราจะไม่ล้มเหลวลงไปอีก เพื่อที่เราจะสัตย์ซื่อและมั่นคง

เราไม่สามารถเป็นเอวาได้ถ้าปราศจากผู้ช่วยของพระองค์ "พระวิญญาณเจ้าข้า เปิดข้าพระองค์ให้กว้างขอทรงเปิดให้กว้างที่จะรับเอาความรักและการสำแดงที่ มีให้"

พระนามพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้ง 7

สรุปคำสอน อ.ซูซาน 1 เมษายน 2010ค้นคว้าเพิ่มเติมจากพระคัมภีร์ NIV และคู่มือพระคัมภีร์


          ในสมัยพระคัมภีร์เดิมนั้นพระเจ้าทรงสำแดงพระองค์เองในฐานะพระบิดา ในพระคัมภีร์ใหม่พระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองในฐานะ พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีพระเจ้าองค์เดียวแต่พระองค์ได้ทรงสำแดงความรักที่แตกต่างกัน เราเองยังไม่ได้รับการสำแดงหัวใจของพระบิดาเท่ากับชาวยิวที่เข้าใจถึงหัวใจของพระบิดา แม้ชาวยิวส่วนใหญ่จะยังไม่เชื่อพระบุตรทรงเป็นคนเดียวกับพระบิดา แต่ในฐานะพระบิดา ชาวยิวเข้าถึงหัวใจของพระบิดา พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ มีภาคความเป็นบุคคลล้วนเป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน
          พระวิญญาณจะสอนเรานมัสการอย่างไร ยกโทษให้คนอื่นได้ ถ้าปราศจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เราจะทำอะไรไม่ได้เลย พระเยซูคริสต์ประกอบไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงทรงรักษาคนป่วยได้ ทำทุกสิ่งได้ เราเองก็ต้องมีพระวิญญาณบริสุทธิ์
          ด้วยความรักที่สมบูรณ์พระองค์จึงไม่ทรงทำทุกสิ่งด้วยพระองค์เองทั้งที่พระองค์ทรงทำได้ พระองค์ชื่นชมยินดีเมื่อรักษาคนป่วยและขับผีและพระองค์ก็อยากให้เขาชื่นชมยินดีด้วยกันกับพระองค์ เมื่อพระองค์เอื้อมมือไปในพระองค์เอง และหยิบเอาวิญญาณของพระองค์(ยอห์น16) เราจะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน คริสตจักรเป็นเจ้าสาว เรามาทำความรู้จักกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้ง 7 ในพระคัมภีร์ใหม่ ที่ทรงคอยช่วยเราในแต่ล่ะเหตุการณ์ สถานการ

1.พระวิญญาณแห่งชีวิต
2.พระวิญญาณแห่งความจริง
3. พระวิญญาณแห่งการรับเป็นบุตร
4.พระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์
5.พระวิญญาณแห่งพระคุณ
6.พระวิญญาณแห่งการวิงวอน
7.พระวิญญาณแห่งพระสิริ

รู้จักกับพระนามของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เคลื่อนไหวท่ามกลางพวกเราในแต่ละเหตุการณ์

1.พระวิญญาณแห่งชีวิต
โรม 8:2,10,11
2เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์   ได้ทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย
10และถ้าพระคริสต์อยู่ในท่านทั้งหลายแล้ว   ถึงแม้ว่าร่างกายของท่านจะตายไปเพราะบาป   แต่วิญญาณจิตของท่านก็จะดำรงอยู่เพราะความชอบธรรม
11ถ้าพระวิญญาณของพระองค์   ผู้ทรงชุบให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย   ทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย   พระองค์ผู้ทรงชุบให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้วนั้น   จะทรงกระทำให้กายซึ่งต้องตายของท่าน   เป็นขึ้นมาใหม่   โดยเดชแห่งพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย  

          พระวิญญาณแห่งชีวิต พระองค์เป็นพระวิญญาณแห่งชีวิตเหนือเราทั้งหลาย พระองค์ได้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างโลก (ปฐมกาล1:2) พระองค์ทรงเป็นฤทธิ์อำนาจที่บังเกิดใหม่ที่อยู่เบื้องหลังการเกิดใหม่ของคริสเตียนทุกคน พระองค์จะทรงประทานสิ่งที่จำเป็น ที่เราต้องใช้ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน ให้กับเรา

2.พระวิญญาณแห่งความจริง
ยอห์น 16:13
13เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว   พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล   เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ   แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน   และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น

          พระเยซูตรัสว่า พระองค์ทรงเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิตไม่มีใครไปถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา
พระวิญญาณแห่งความจริงจะรู้บรรยากาศในฟ้าสวรรค์ และจะช่วยเราให้นมัสการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับฟ้าสวรรค์ได้ พระเยซูคริสต์ได้ตรัสบอกสาวกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นผู้บอกเรื่องอนาคตให้สาวกได้รู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพันธกิจการรับใช้ และสิ่งที่เขาต้องเผชิญ ในตอนนี้สาวกยังไม่เข้าใจจนกระทั่งพระเยซูสิ้นพระชนม์ พระวิญญาณได้เปิดเผยความจริงแก่เหล่าสาวก พรวิญญาณองค์นี้ทรงนำให้รู้ความจริงเกี่ยวกับพระคริสต์

3.พระวิญญาณแห่งการรับเป็นบุตร
โรม 8:15,16
15เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก   แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า   ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า   “อับบา”   คือพระบิดา
16พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า   เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า

 
          “อับบา” แปลว่าพ่อ หรือพระวิญญาณแห่งการรับเป็นบุตรบุญธรรม (NIV) สิทธิของบุตรในธรรมเนียมยิวนั้นไม่ต้องรอให้พ่อตายก่อน แต่ทุกๆสิ่งที่พ่อมี พ่อให้เจ้า
เมื่อพระองค์รับบัพติศมา พระองค์ตรัสว่า “เราพอใจในบุตรของเรามาก” พระองค์ทรงอยู่ในเราเพื่อให้เราเติบโตและพร้อมก้าวไปสู่มิติใหม่
เป็นสิทธิที่พิเศษอะไรอย่างนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าเราจึงได้มีส่วนในมรดกของพระองค์ จงทูลขอจากพระองค์

4.พระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์
โรม 1:3,4
3ข่าวประเสริฐนั้นเกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์   คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา   ผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์สืบเชื้อสายจากดาวิด
4แต่ฝ่ายพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์นั้นบ่งไว้ด้วยฤทธานุภาพ   คือโดยการเป็นขึ้นมาจากความตายว่า   เป็นพระบุตรของพระเจ้า

          และผู้ซึ่งโดยทางพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์ หรือผู้ซึ่งในด้านวิญญาณอันบริสุทธิ์ของพระองค์

5.พระวิญญาณแห่งพระคุณ
ฮีบรู 10:29
29ท่านทั้งหลายคิดดูซิว่าคนที่เหยียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า   และดูหมิ่นพระโลหิตแห่งพันธสัญญา   ซึ่งชำระเขาให้บริสุทธิ์ว่าเป็นสิ่งชั่วช้า   และขัดขืนพระวิญญาณผู้ทรงพระคุณนั้น   ควรจะถูกลงโทษมากยิ่งกว่าคนเหล่านั้นสักเท่าใด

          พระวิญญาณแห่งพระคุณพระองค์เสด็จมา เมื่อเรารู้สึกต่ำต้อย และตกต่ำกำลังจมดิ่งลงไป พระองค์เสด็จมา
อย่าตัดสินเลยเพราะทุกคนเท่าเทียมกัน เมื่อพระวิญญาณอยู่ในเรา ใครที่เหยียบย่ำเรา ตัดสินเรา ตอนท้ายของพระคัมภีร์ได้บอกเราว่า ใครที่ลบหลู่พระวิญญาณแห่งพระคุณก็สมควรได้รับโทษ

6.พระวิญญาณแห่งการคร่ำครวญวิงวอนเพื่อเรา
โรม 8:26-28
26ในทำนองเดียวกัน   พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย   เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร   แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา   ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ
27และพระองค์ผู้ทรงชันสูตรใจมนุษย์   ก็ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณเพราะว่า(หรือ   ว่า) พระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชนตามที่ชอบพระทัยพระเจ้า
28เรารู้ว่า   พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง   คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์

          พระองค์ทรงปกคลุมอยู่เหนือเราส่วนบุคคล พระองค์ทรงอยากทำทุกสิ่งที่เห็นในเรา พระองค์ต้องการพาเราไปในมิติใหม่ที่สูงมากยิ่งขึ้น พระองค์ทรงอดทนรอคอย และยกโทษให้เราเสมอ

          เราไม่ได้ถูกปล่อยให้จัดการปัญหาแต่เพียงผู้เดียวตามกำลังของตนเอง เมื่อเราอธิษฐานพระวิญญาณแห่งการคร่ำครวญเพื่อเรา จะอธิษฐานร่วมกับเรา เราไม่ต้องกลัวที่จะเข้าหาจำเพาะพระพักตร์ของพระองค์จงทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้อ้อนวอนแทนเรา ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
จงวางใจในพระองค์ว่าจะทำสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ พระวิญญาณนี้เพื่อคนที่รักพระเจ้า และอยู่ในแผนการของพระองค์

          พระองค์ทรงใกล้ชิดกับเราจนไม่สามารถมีอะไรมาแทรกได้ พระองค์ได้ทรงรับสิ่งต่างๆจากเราไปไว้ที่พระองค์ พระวิญญาณจะอยู่เคียงข้างและจะทรงเปลี่ยนตำแหน่งของพระองค์มาอยู่ข้างหน้าเรา และจะรับมือด้วยพระองค์เอง และตรัสว่า “เจ้าไม่สามารถแตะต้องลูกของเราได้” พระองค์จะเป็นโล่ปกป้องและต่อสู้แทนเรา นี่คือลูกของเรา ขอให้เราเชิญพระองค์

7.พระวิญญาณแห่งพระสิริ
          พระวิญญาณแห่งการทรงสถิตของพระเจ้า พระองค์กระโดดขึ้นไปยืนอยู่ที่ก้นบ่อ จากเราและทรงอุ้มเราขึ้นมาจากก้นบ่อ ทรงเป็นพระวิญญาณแห่งพระสิริ
1 เปโตร 4:14
14ถ้าท่านถูกด่าว่า   เพราะพระนามของพระคริสต์   ท่านก็เป็นสุข   ด้วยว่าพระวิญญาณแห่งพระสิริและของพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับท่าน

เปโตรหนุนใจเราในคำตรัสของพระเยซูคริสต์ว่า ความสุขมีแก่ท่านเมื่อคนทั้งหลายสบประมาท ข่มเหง ใส่ร้ายป้ายสีท่าน เพราะเรา (มัทธิว 5:11)
พระเยซูจะทรงพระวิญญาณบริสุทธิ์มา เสริมกำลังเรา
2 โครินธ์ 13



ขอบคุณพระเจ้า

ktm.worship

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พระนามพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้ง 7

พระนามพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้ง 7
สรุปคำสอน อ.ซูซาน 1 เมษายน 2010
ค้นคว้าเพิ่มเติมจากพระคัมภีร์ NIV และคู่มือพระคัมภีร์
          ในสมัยพระคัมภีร์เดิมนั้นพระเจ้าทรงสำแดงพระองค์เองในฐานะพระบิดา ในพระคัมภีร์ใหม่พระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองในฐานะ พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีพระเจ้าองค์เดียวแต่พระองค์ได้ทรงสำแดงความรักที่แตกต่างกัน เราเองยังไม่ได้รับการสำแดงหัวใจของพระบิดาเท่ากับชาวยิวที่เข้าใจถึงหัวใจของพระบิดา แม้ชาวยิวส่วนใหญ่จะยังไม่เชื่อพระบุตรทรงเป็นคนเดียวกับพระบิดา แต่ในฐานะพระบิดา ชาวยิวเข้าถึงหัวใจของพระบิดา พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ มีภาคความเป็นบุคคลล้วนเป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน
          พระวิญญาณจะสอนเรานมัสการอย่างไร ยกโทษให้คนอื่นได้ ถ้าปราศจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เราจะทำอะไรไม่ได้เลย พระเยซูคริสต์ประกอบไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงทรงรักษาคนป่วยได้ ทำทุกสิ่งได้ เราเองก็ต้องมีพระวิญญาณบริสุทธิ์
          ด้วยความรักที่สมบูรณ์พระองค์จึงไม่ทรงทำทุกสิ่งด้วยพระองค์เองทั้งที่พระองค์ทรงทำได้ พระองค์ชื่นชมยินดีเมื่อรักษาคนป่วยและขับผีและพระองค์ก็อยากให้เขาชื่นชมยินดีด้วยกันกับพระองค์ เมื่อพระองค์เอื้อมมือไปในพระองค์เอง และหยิบเอาวิญญาณของพระองค์(ยอห์น16) เราจะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน คริสตจักรเป็นเจ้าสาว เรามาทำความรู้จักกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้ง 7 ในพระคัมภีร์ใหม่ ที่ทรงคอยช่วยเราในแต่ล่ะเหตุการณ์ สถานการ

1.พระวิญญาณแห่งชีวิต
2.พระวิญญาณแห่งความจริง
3. พระวิญญาณแห่งการรับเป็นบุตร
4.พระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์
5.พระวิญญาณแห่งพระคุณ
6.พระวิญญาณแห่งการวิงวอน
7.พระวิญญาณแห่งพระสิริ

รู้จักกับพระนามของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เคลื่อนไหวท่ามกลางพวกเราในแต่ละเหตุการณ์

1.พระวิญญาณแห่งชีวิต
โรม 8:2,10,11
2เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์   ได้ทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย
10และถ้าพระคริสต์อยู่ในท่านทั้งหลายแล้ว   ถึงแม้ว่าร่างกายของท่านจะตายไปเพราะบาป   แต่วิญญาณจิตของท่านก็จะดำรงอยู่เพราะความชอบธรรม
11ถ้าพระวิญญาณของพระองค์   ผู้ทรงชุบให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย   ทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย   พระองค์ผู้ทรงชุบให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้วนั้น   จะทรงกระทำให้กายซึ่งต้องตายของท่าน   เป็นขึ้นมาใหม่   โดยเดชแห่งพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย  

          พระวิญญาณแห่งชีวิต พระองค์เป็นพระวิญญาณแห่งชีวิตเหนือเราทั้งหลาย พระองค์ได้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างโลก (ปฐมกาล1:2) พระองค์ทรงเป็นฤทธิ์อำนาจที่บังเกิดใหม่ที่อยู่เบื้องหลังการเกิดใหม่ของคริสเตียนทุกคน พระองค์จะทรงประทานสิ่งที่จำเป็น ที่เราต้องใช้ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน ให้กับเรา

2.พระวิญญาณแห่งความจริง
ยอห์น 16:13
13เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว   พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล   เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ   แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน   และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น

          พระเยซูตรัสว่า พระองค์ทรงเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิตไม่มีใครไปถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา
พระวิญญาณแห่งความจริงจะรู้บรรยากาศในฟ้าสวรรค์ และจะช่วยเราให้นมัสการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับฟ้าสวรรค์ได้ พระเยซูคริสต์ได้ตรัสบอกสาวกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นผู้บอกเรื่องอนาคตให้สาวกได้รู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพันธกิจการรับใช้ และสิ่งที่เขาต้องเผชิญ ในตอนนี้สาวกยังไม่เข้าใจจนกระทั่งพระเยซูสิ้นพระชนม์ พระวิญญาณได้เปิดเผยความจริงแก่เหล่าสาวก พรวิญญาณองค์นี้ทรงนำให้รู้ความจริงเกี่ยวกับพระคริสต์

3.พระวิญญาณแห่งการรับเป็นบุตร
โรม 8:15,16
15เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก   แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า   ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า   “อับบา”   คือพระบิดา
16พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า   เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า
          “อับบา” แปลว่าพ่อ หรือพระวิญญาณแห่งการรับเป็นบุตรบุญธรรม (NIV) สิทธิของบุตรในธรรมเนียมยิวนั้นไม่ต้องรอให้พ่อตายก่อน แต่ทุกๆสิ่งที่พ่อมี พ่อให้เจ้า
เมื่อพระองค์รับบัพติศมา พระองค์ตรัสว่า “เราพอใจในบุตรของเรามาก” พระองค์ทรงอยู่ในเราเพื่อให้เราเติบโตและพร้อมก้าวไปสู่มิติใหม่
เป็นสิทธิที่พิเศษอะไรอย่างนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าเราจึงได้มีส่วนในมรดกของพระองค์ จงทูลขอจากพระองค์

4.พระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์
โรม 1:3,4
3ข่าวประเสริฐนั้นเกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์   คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา   ผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์สืบเชื้อสายจากดาวิด
4แต่ฝ่ายพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์นั้นบ่งไว้ด้วยฤทธานุภาพ   คือโดยการเป็นขึ้นมาจากความตายว่า   เป็นพระบุตรของพระเจ้า

          และผู้ซึ่งโดยทางพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์ หรือผู้ซึ่งในด้านวิญญาณอันบริสุทธิ์ของพระองค์

5.พระวิญญาณแห่งพระคุณ
ฮีบรู 10:29
29ท่านทั้งหลายคิดดูซิว่าคนที่เหยียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า   และดูหมิ่นพระโลหิตแห่งพันธสัญญา   ซึ่งชำระเขาให้บริสุทธิ์ว่าเป็นสิ่งชั่วช้า   และขัดขืนพระวิญญาณผู้ทรงพระคุณนั้น   ควรจะถูกลงโทษมากยิ่งกว่าคนเหล่านั้นสักเท่าใด

          พระวิญญาณแห่งพระคุณพระองค์เสด็จมา เมื่อเรารู้สึกต่ำต้อย และตกต่ำกำลังจมดิ่งลงไป พระองค์เสด็จมา
อย่าตัดสินเลยเพราะทุกคนเท่าเทียมกัน เมื่อพระวิญญาณอยู่ในเรา ใครที่เหยียบย่ำเรา ตัดสินเรา ตอนท้ายของพระคัมภีร์ได้บอกเราว่า ใครที่ลบหลู่พระวิญญาณแห่งพระคุณก็สมควรได้รับโทษ

6.พระวิญญาณแห่งการคร่ำครวญวิงวอนเพื่อเรา
โรม 8:26-28
26ในทำนองเดียวกัน   พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย   เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร   แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา   ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ
27และพระองค์ผู้ทรงชันสูตรใจมนุษย์   ก็ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณเพราะว่า(หรือ   ว่า) พระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชนตามที่ชอบพระทัยพระเจ้า
28เรารู้ว่า   พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง   คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์

          พระองค์ทรงปกคลุมอยู่เหนือเราส่วนบุคคล พระองค์ทรงอยากทำทุกสิ่งที่เห็นในเรา พระองค์ต้องการพาเราไปในมิติใหม่ที่สูงมากยิ่งขึ้น พระองค์ทรงอดทนรอคอย และยกโทษให้เราเสมอ

          เราไม่ได้ถูกปล่อยให้จัดการปัญหาแต่เพียงผู้เดียวตามกำลังของตนเอง เมื่อเราอธิษฐานพระวิญญาณแห่งการคร่ำครวญเพื่อเรา จะอธิษฐานร่วมกับเรา เราไม่ต้องกลัวที่จะเข้าหาจำเพาะพระพักตร์ของพระองค์จงทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้อ้อนวอนแทนเรา ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
จงวางใจในพระองค์ว่าจะทำสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ พระวิญญาณนี้เพื่อคนที่รักพระเจ้า และอยู่ในแผนการของพระองค์

          พระองค์ทรงใกล้ชิดกับเราจนไม่สามารถมีอะไรมาแทรกได้ พระองค์ได้ทรงรับสิ่งต่างๆจากเราไปไว้ที่พระองค์ พระวิญญาณจะอยู่เคียงข้างและจะทรงเปลี่ยนตำแหน่งของพระองค์มาอยู่ข้างหน้าเรา และจะรับมือด้วยพระองค์เอง และตรัสว่า “เจ้าไม่สามารถแตะต้องลูกของเราได้” พระองค์จะเป็นโล่ปกป้องและต่อสู้แทนเรา นี่คือลูกของเรา ขอให้เราเชิญพระองค์

7.พระวิญญาณแห่งพระสิริ
          พระวิญญาณแห่งการทรงสถิตของพระเจ้า พระองค์กระโดดขึ้นไปยืนอยู่ที่ก้นบ่อ จากเราและทรงอุ้มเราขึ้นมาจากก้นบ่อ ทรงเป็นพระวิญญาณแห่งพระสิริ
1 เปโตร 4:14
14ถ้าท่านถูกด่าว่า   เพราะพระนามของพระคริสต์   ท่านก็เป็นสุข   ด้วยว่าพระวิญญาณแห่งพระสิริและของพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับท่าน

เปโตรหนุนใจเราในคำตรัสของพระเยซูคริสต์ว่า ความสุขมีแก่ท่านเมื่อคนทั้งหลายสบประมาท ข่มเหง ใส่ร้ายป้ายสีท่าน เพราะเรา (มัทธิว 5:11)
พระเยซูจะทรงพระวิญญาณบริสุทธิ์มา เสริมกำลังเรา
2 โครินธ์ 13

ทำไมต้องใช้เขาสัตว์ ?



เสียงเขาสัตว์
เมื่อเราย้อนดูในพระคัมภีร์ หลายครั้งที่ได้มีการใช้แตร และเสียงเขาสัตว์ในการนมัสการ ไม่เพียงแค่นั้นเสียงเขาสัตว์ยังมีอิทธิพลจากการทรงเจิมจากพระเจ้า ในการล้มกำแพงเมืองของศัตรูด้วย และพระคัมภีร์ก็ไม่ได้บอกว่าในอนาคตจงเลิกใช้เขาสัตว์ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมีการถกเถียงกัน แต่บทความนี้จะไม่ใส่รายละเอียดและอ้างอิงอะไรมากเกินไป เพียงแต่เป็นการเป็นพยานถึงการใช้เสียงเขาสัตว์ในกลุ่มพันธกิจของเรา
เมื่อเราเริ่มใช้เขาสัตว์กันใหม่ๆเมื่อหลายปีก่อนนั้น และเมื่อมองมาถึงวันนี้เสียงเขาสัตว์มีอิทธิพลมากจริงๆต่อการอธิษฐาน และการประกาศความเชื่อด้วยถ้อยคำ และในการนมัสการ เสียงเขาสัตว์ที่จะยกตัวอย่างในตอนนี้คร่าวๆที่ใช้บ่อยในพระคัมภีร์มีอยู่ ด้วยกัน 4 เสียง
There are four primary types of shofar blasts:
1.      Tekiah (תְּקִיעָה) ระเบิดเสียงยาว คือเสียงราชาภิเษกขององค์จอมราชา(พระเจ้า)ละทิ้งวิธีที่ผิด ขอการอภัยโทษจากพระเจ้า ผ่านการกลับใจ อิสราเอลใช้เขาสัตว์เพื่อการรวมตัวกัน รวบรวมเพื่อทำสงคราม เพื่อการเฉลิมฉลอง การเผชิญหน้ากับศัตรู เป็นการรวมพลังกันที่จะเผชิญกับความท้าทาย กันดารวิถี 10:9-10
2.      Shevarim (שְׁבָרִים) เสียงแห่งการกลับใจ เพื่อตระหนักถึงความผิดและต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง จริงๆ เสียงแห่งการคร่ำครวญ และตั้งใจที่จะหมุนตัวกลับ
3.      Teru'ah (תְּרוּעָה) เสียงแห่งการปลุก จงตื่นขึ้นเถิด! จงตื่นขึ้นและมองต่อไป มันคือทิศทางการมองเห็น มองให้เห็นเป้าหมายสุดท้ายแห่งการจัดเตรียมของพระเจ้า
4.      Tekiah ha-Gadol (תְּקִיעָה הַגָּדוֹל) เป่าระเบิดแบบยาวที่สุด เป็นการอุทธรณ์สุดท้ายที่จะเข้าสู่การกลับใจอย่างจริงจัง การไถ่คืนของพระเจ้า มันคือความหวัง ความหวังของเราคืออะไร คือความหวังใจในพระเจ้า
ในความเป็นจริงแล้วยังมีเสียงเขาสัตว์มากกว่านี้อีก ซึ่งใช้ในแต่ล่ะเหตุการณ์และสถานการณ์
แม้เราจะไม่มีเขาสัตว์ เราก็ใช้ปากนี่แหละครับในการกำเสียง อาจจะดูตลกนะครับ แต่เมื่อลองดูแล้ว ลองด้วยความเชื่อจะตลกไม่ออก นี่ไม่ใช่การถอยหลังกลับไปสู่ยิวในพระคัมภีร์เดิม นี่เป็นอุปกรณ์ที่พระเจ้ามอบให้ และก็ไม่ได้บอกว่าหมดยุคที่จะใช้แล้ว ท่านที่ยังไม่เชื่อ เราหนุนใจท้าทายให้ลองเปิดใจและรับเอา คำพยานถึงการเป็นขึ้นมาจากความตายของพี่น้องท่านหนึ่งที่ได้เสียชีวิตลงและ เมื่อได้รับการปลุกด้วยเสียงเขาสัตว์ผ่านทางโทรศัพท์ พร้อมด้วยการร่วมอธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจัง ร้องต่อพระเจ้าอย่างไม่อายใครในโรงพยาบาล การประกาศออกมาด้วยความเชื่อว่า เขาจะยังไม่ตาย เขาจะมีชีวิต มือแห่งความตายที่กุมอยู่จงคลายมือของเจ้าออก ร่วมกับเสียงเขาสัตว์ที่ดังลั่น หลายคนว่าเราบ้า แต่ก็ช่างประไร เมื่อชายคนที่กล่าวถึงนี้ ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างและจะมีคำพยายนมากมายเกี่ยวกับเขาสัตว์มาเพิ่ม เติมอีก ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้อง

พระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับเสียงเขาสัตว์
เพื่อการค้นคว้า
เลวีนิติ 25:9 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ดังสนั่นในวันที่สิบเดือนที่เจ็ดเจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินในวันทำ

เลวีนิติ 25:10 เจ้าจงถือปีที่ห้าสิบไว้เป็นปีบริสุทธิ์และประกาศอิสรภาพแก่บรรดาคนที่อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินของเจ้าให้เป็นปีเสียงเขาสัตว์แก่เจ้าให้ทุกคนกลับไปยังภูมิลำเนาอันเป็นทรัพย์สินของตนและกลับไปสู่ตระกูลของตน..

เลวีนิติ 25:11 ปีที่ห้าสิบนั้นเป็นปีเสียงเขาสัตว์ของเจ้าในปีนั้นเจ้าอย่าหว่านพืชหรือเกี่ยวเก็บผลที่เกิดขึ้นมาเองหรือเก็บองุ่นจากเถาที่มิได้ตกแต่ง..

เลวีนิติ 25:12 เพราะเป็นปีเสียงเขาสัตว์จะเป็นปีบริสุทธิ์แก่เจ้าเจ้าจงรับประทานพืชผลที่งอกมาจากนาในปีนั้น..

เลวีนิติ 25:13 ในปีเสียงเขาสัตว์นี้ให้ทุกคนกลับไปสู่ภูมิลำเนาอันเป็นทรัพย์สินของตน..

เลวีนิติ 25:15 ตามจำนวนปีหลังจากปีเสียงเขาสัตว์เจ้าจงซื้อนาจากเพื่อนบ้านของเจ้าและให้เขาขายแก่เจ้าตามจำนวนปีที่ปลูกพืชได้..

เลวีนิติ 25:28 ถ้าเขาไม่มีทรัพย์พอที่จะไถ่คืนที่ดินที่เขาได้ขายไปจะคงอยู่ในมือของผู้ซื้อจนถึงปีเสียงเขาสัตว์ให้เขาคืนกลับให้เจ้าของในปีเสียงเขาสัตว์นี้และเจ้าของเดิมจะกลับเข้าอยู่ในที่เดิมของเขาได้..
เลวีนิติ 25:30 ถ้า ในเวลาหนึ่งปีเต็มเขาไม่ทำการไถ่ถอนก็ให้จัดการเสียให้เป็นการแน่นอนว่าผู้ ที่ซื้อไปมีสิทธิ์เหนือเรือนที่อยู่ในเมืองที่มีกำแพงนั้นสิทธิ์ขาดแล้วตลอด ชั่วชาตพันธุ์ของเขาในปีเสียงเขาสัตว์เขาก็ไม่ต้องคืนให้..

เลวีนิติ 25:31 แต่ เรือนในชนบทที่ไม่มีกำแพงล้อมให้นับเข้าเป็นพวกเดียวกับท้องนาในประเทศนั้น คือไถ่ถอนคืนได้และจะต้องคืนกลับให้เจ้าของเดิมในปีเสียงเขาสัตว์..

เลวีนิติ 25:33 ถ้า คนเลวีคนใดไถ่ถอน{ฮีบรูมีข้อความอย่างนี้}เรือนนั้นซึ่งเขาขายไปกับเมืองที่ เขาถือกรรมสิทธิ์ต้องกลับคืนให้เจ้าของเดิมในปีเสียงเขาสัตว์เพราะเรือนในเมืองของคนเลวีเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาในหมู่คนอิสราเอล..

เลวีนิติ 25:40 ให้เขาอยู่กับเจ้าอย่างลูกจ้างหรือคนที่อาศัยอยู่ด้วยให้เขาปรนนิบัติเจ้าไปถึงปีเสียงเขาสัตว์..
เลวีนิติ 25:50 ให้ผู้ที่ขายตัวคิดกับผู้ที่รับซื้อตัวเขาไปว่าเขาได้ขายตัวกี่ปีจึงถึงปีเสียงเขาสัตว์ค่าตัวของเขาเป็นค่าตามจำนวนปีเวลาที่เขาอยู่กับเจ้าของตัวเขานั้นคิดตามเวลาของลูกจ้าง..

เลวีนิติ 25:52 ถ้ายังเหลือน้อยปีจะถึงปีเสียงเขาสัตว์ก็ให้ผู้ขายตัวคิดกับผู้ซื้อตัวไว้คิดเงินตามจำนวนปีที่เขาควรจะรับใช้คืนเป็นเงินค่าไถ่เขา..

เลวีนิติ 25:54 ถ้าเขาไม่ไถ่ถอนตามที่กล่าวมานี้ก็ให้ปล่อยเขาในปีเสียงเขาสัตว์ทั้งเขาพร้อมกับลูกของเขา..

เลวีนิติ 27:17 ถ้าเขาถวายนาในปีเสียงเขาสัตว์ก็ให้คงเต็มราคาที่เจ้ากำหนด..

เลวีนิติ 27:18 ถ้าเขาถวายที่นาภายหลังปีเสียงเขาสัตว์ก็ให้ปุโรหิตคำนวณค่าเงินตามจำนวนปีที่เหลืออยู่กว่าจะถึงปีเสียงเขาสัตว์ให้หักเสียจากราคาที่เจ้ากำหนด..

เลวีนิติ 27:21 แต่นานั้นเมื่อเขาต้องสละในปีเสียงเขาสัตว์ก็เป็นของบริสุทธิ์แด่พระเจ้าเพราะเป็นนาที่ถวายไว้ปุโรหิตจึงเข้าถือกรรมสิทธิ์นานั้นได้..

เลวีนิติ 27:23 ปุโรหิตจะคำนวณค่านานับจนถึงปีเสียงเขาสัตว์ในวันนั้นเจ้าของนาต้องถวายเงินเท่ากำหนดค่านาที่ตีไว้เป็นสิ่งบริสุทธิ์แด่พระเจ้า..

เลวีนิติ 27:24 พอถึงปีเสียงเขาสัตว์นานั้นต้องกลับไปตกแก่ผู้ที่ขายให้เขาซึ่งเป็นเจ้าของเดิมตามมรดกที่ตกมาเป็นของเขา..

กันดารวิถี 36:4 และเมื่อถึงปีเสียงเขาสัตว์ของ คนอิสราเอลมรดกที่เป็นส่วนของเธอก็จะถูกยกไปเพิ่มเข้ากับส่วนของเผ่าที่เธอ ไปอยู่ด้วยจึงเป็นการที่นำส่วนมรดกของเธอไปจากส่วนมรดกของเผ่าบิดาของเรา"..

ผู้วินิจฉัย 3:27 เมื่อท่านมาถึงแล้วจึงเป่าเขาสัตว์ขึ้นในแดนเทือกเขาเอฟราอิมแล้วคนอิสราเอลก็ยกลงไปกับท่านจากแดนเทือกเขาและท่านนำเขา..

ผู้วินิจฉัย 6:34 แต่พระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตกับกิเดโอนท่านก็เป่าเขาสัตว์เรียกตระกูลอาบีเยเซอร์ให้มาติดตามท่าน..

ผู้วินิจฉัย 7:8 ประชาชนจึงถือเสบียงและเขาสัตว์ไว้และท่านสั่งให้อิสราเอลกลับไปยังเต็นท์ของตนทุกคนแต่ให้สามร้อยคนนั้นอยู่และค่ายของมีเดียนก็อยู่ข้างล่างท่านในหุบเขา..

ผู้วินิจฉัย 7:16 ท่านจึงแบ่งคนสามร้อยนั้นออกเป็นสามกองให้ถือเขาสัตว์ทุกคนและถือหม้อเปล่ามีคบเพลิงอยู่ข้างในหม้อนั้น..

ผู้วินิจฉัย 7:18 ขณะเมื่อเราเป่าเขาสัตว์คือตัวเรากับบรรดาคนที่อยู่กับเราเจ้าจงเป่าเขาสัตว์รับให้รอบค่ายทั้งหมดแล้วร้องว่า'เพื่อพระเจ้าและเพื่อกิเดโอน'..

ผู้วินิจฉัย 7:19 กิเดโอนกับทหารหนึ่งร้อยคนที่อยู่กับท่านก็มาถึงด้านนอกค่ายในเวลาต้นยามกลางพึ่งผลัดเวรยามใหม่เขาก็เป่าเขาสัตว์ขึ้นและต่อยหม้อซึ่งอยู่ในมือให้แตก..

ผู้วินิจฉัย 7:20 ทหารทั้งสามกองก็เป่าเขาสัตว์และต่อยหม้อมือซ้ายถือคบเพลิงมือขวาถือเขาสัตว์จะเป่าและเขาร้องขึ้นว่า"กระบี่ของพระเจ้าและของกิเดโอน"..
ผู้วินิจฉัย 7:22 เมื่อเขาเป่าเขาสัตว์ทั้ง สามร้อยอันนั้นพระเจ้าทรงบันดาลให้เขาฆ่าฟันกันทั่วทุกกองกองทัพก็แตกตื่น หนีไปถึงตำบลเบธชิทธาห์ทางไปเมืองเศเรราห์ไกลไปจนถึงเขตเมืองอาเบลเมโฮลาห์ ที่ตำบลทับบาท..

1 ซามูเอล 13:3 โยนาธานได้ตีกองทหารรักษาการของคนฟีลิสเตียซึ่งอยู่ที่เกบาพ่ายแพ้ไปคนฟีลิสเตียทราบเรื่องและซาอูลก็เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินนั้นว่า"ขอให้คนฮีบรูทั้งหลายได้ยิน"..

1 ซามูเอล 16:1 พระ เจ้าตรัสกับซามูเอลว่า"เจ้าจะเป็นทุกข์เรื่องซาอูลนานเท่าใดเล่าเมื่อเราถอด เขาจากเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลแล้วจงเติมน้ำมันให้เต็มเขาสัตว์ของเจ้าแล้วก็ไปเถอะเราจะใช้เจ้าไปหาเจสซีชาวเบธเลเฮมเพราะว่าในหมู่พวกบุตรของเขาเราจัดเตรียมกษัตริย์องค์หนึ่งไว้แล้วสำหรับเรา"..

2 ซามูเอล 2:28 โยอาบจึงเป่าเขาสัตว์ขึ้นคนทั้งปวงก็หยุดไม่ไล่ตามอิสราเอลอีกและไม่สู้รบกันอีก..

2 ซามูเอล 6:15 ดังนั้นแหละดาวิดและพงศ์พันธุ์อิสราเอลด้วยได้นำหีบของพระเจ้าขึ้นมาด้วยเสียงโห่ร้องและด้วยเสียงเป่าเขาสัตว์..

2 ซามูเอล 15:10 แต่อับซาโลมได้ส่งผู้สื่อสารไปทั่วอิสราเอลทุกเผ่าว่า"ท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเขาสัตว์เมื่อไรจงกล่าวกันว่า'อับซาโลมเป็นกษัตริย์ที่กรุงเฮโบรน'..

2 ซามูเอล 18:16 โยอาบก็เป่าเขาสัตว์และกองทัพก็กลับจากการไล่ตามอิสราเอลเพราะโยอาบยับยั้งเขาทั้งหลายไว้..

2 ซามูเอล 20:1 เผอิญที่นั่นมีคนอันธพาลอยู่คนหนึ่งชื่อเชบาบุตรบิครีคนเบนยามินเขาได้เป่าเขาสัตว์ขึ้นกล่าวว่า"เราไม่มีส่วนในดาวิดเราไม่มีมรดกในบุตรของเจสซีโออิสราเอลเอ๋ยให้ต่างคนต่างกลับไปเต็นท์ของตนเถิด"..

2 ซามูเอล 20:22 แล้วหญิงนั้นก็ไปหาประชาชนด้วยปัญญาของนางเขาทั้งหลายได้ตัดศีรษะของเชบาบุตรบิครีโยนออกมาให้โยอาบโยอาบก็เป่าเขาสัตว์ต่างก็แยกกันไปจากนครนั้นกลับไปยังบ้านเรือนของตนโยอาบก็กลับไปเฝ้าพระราชาที่กรุงเยรูซาเล็ม..

1 พงศ์กษัตริย์ 1:34 และให้ศาโดกปุโรหิตและนาธันผู้เผยพระวจนะเจิมตั้งเขาไว้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลแล้วท่านทั้งหลายจงเป่าเขาสัตว์และประกาศว่า'ขอพระราชาซาโลมอนทรงพระเจริญ'..

1 พงศ์กษัตริย์ 1:39 แล้วศาโดกปุโรหิตได้นำเขาสัตว์ที่บรรจุน้ำมันมาจากเต็นท์ของพระเจ้าและเจิมตั้งซาโลมอนไว้และเขาทั้งหลายก็เป่าเขาสัตว์และประชาชนทั้งปวงกล่าวว่า"ขอพระราชาซาโลมอนทรงพระเจริญ"..

1 พงศ์กษัตริย์ 1:41 อาโดนียาห์และบรรดาแขกที่อยู่กับท่านเมื่อรับประทานเสร็จแล้วก็ได้ยินเสียงนั้นและเมื่อโยอาบได้ยินเสียงเขาสัตว์ก็พูดว่า"เสียงอึกทึกครึกโครมนี้ที่ในกรุงหมายความว่ากระไร"..

2 พงศ์กษัตริย์ 9:13 แล้วทุกคนก็รีบเปลื้องเสื้อผ้าของตนออกวางไว้รองท่านที่ขั้นบันไดซึ่งเปล่าอยู่และเขาทั้งหลายเป่าเขาสัตว์และป่าวร้องว่า"เยฮูเป็นกษัตริย์"..

2 พงศ์กษัตริย์ 11:14 และ เมื่อพระนางทอดพระเนตรก็แลเห็นพระราชาประทับยืนอยู่ที่ข้างเสาตามธรรมเนียม ประเพณีมีนายทัพนายกองและพลแตรอยู่ข้างพระราชาและราษฎรทั้งสิ้นก็ร่าเริงและ เป่าเขาสัตว์พระนางอาธาลิยาห์ก็ฉีกฉลองพระองค์ทรงร้องว่า"กบฏกบฏ"..
2 พงศาวดาร 15:14 เขาทั้งหลายได้กระทำสัตย์สาบานต่อพระเจ้าด้วยเสียงอันดังและด้วยเสียงโห่ร้องและด้วยเสียงแตรและเขาสัตว์..

เนหะมีย์ 4:18 ผู้ก่อสร้างทุกคนมีดาบคาดอยู่ที่สีข้างขณะที่เขาสร้างชายที่เป่าเขาสัตว์อยู่ข้างข้าพเจ้า..

เนหะมีย์ 4:20 เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์อยู่ตรงไหนจงวิ่งกรูกันไปที่พวกเราพระเจ้าของเราทั้งหลายจะทรงต่อสู้เพื่อพวกเรา"..

โยบ 39:24 มันโกยดินด้วยความดุร้ายและเดือดดาลพอได้ยินเสียงเขาสัตว์มันยืนนิ่งอยู่ต่อไปไม่ได้..

โยบ 39:25 เมื่อเป่าเขาสัตว์ขึ้นมันร้อง'ฮีแฮ่'มันได้กลิ่นสงครามแต่ไกลทั้งเสียงตะโกนของผู้บังคับบัญชาและเสียงโห่ร้อง..

เพลงสดุดี 98:6 ด้วยเสียงแตรและเสียงเป่าเขาสัตว์จงกระทำเสียงชื่นบานถวายพระมหากษัตริย์คือพระเจ้า..

อิสยาห์ 18:3 ท่านทั้งปวงผู้เป็นชาวพิภพท่านอาศัยอยู่บนแผ่นดินโลกเมื่อมีอาณัติสัญญายกขึ้นบนภูเขาจงมองดูเมื่อมีเสียงเขาสัตว์เป่าจงฟัง..
อิสยาห์ 27:13 และในวันนั้นเขาจะเป่าเขาสัตว์ใหญ่ และบรรดาผู้ที่กำลังพินาศอยู่ในแผ่นดินอัสซีเรียและบรรดาผู้ถูกขับไล่ออกไป ยังแผ่นดินอียิปต์จะมานมัสการพระเจ้าบนภูเขาบริสุทธิ์ที่เยรูซาเล็ม..

อิสยาห์ 58:1 จงร้องดังๆอย่าออมไว้จงเปล่งเสียงของเจ้าเหมือนเป่าเขาสัตว์จงแจ้งแก่ชนชาติของเราให้ทราบถึงเรื่องการทรยศของเขาแก่เชื้อสายของยาโคบเรื่องบาปของเขา..

เยเรมีย์ 4:5 จงประกาศในยูดาห์และโฆษณาในกรุงเยรูซาเล็มว่า'จงเป่าเขาสัตว์ไปทั่วแผ่นดินจงร้องประกาศดังๆว่ามารวมกันเถิดให้เราเข้าไปในบรรดาเมืองที่มีป้อม'..

เยเรมีย์ 4:19 แสน ระทมแสนระทมข้าก็บิดตัวด้วยความเจ็บปวดโอผนังดวงใจของข้าเอ๋ยจิตใจของข้าก็ ว้าวุ่นข้าจะนิ่งอยู่ไม่ได้เพราะข้าได้ยินเสียงเขาสัตว์เสียงปลุกของสงคราม..

เยเรมีย์ 4:21 ข้าจะต้องมองดูธงและฟังเสียงเขาสัตว์นานสักเท่าใด..
เยเรมีย์ 6:1 ประชาชนเบนยามินเอ๋ยจงหนีไปเพื่อความปลอดภัยจากกลางกรุงเยรูซาเล็มจงเป่าเขาสัตว์ในเมืองเทโคอาและยกสัญญาณขึ้นไว้บนเบธฮักเคเรมเพราะเหตุร้ายโผล่ออกมาจากทิศเหนือคือการทำลายอย่างใหญ่หลวง..
เยเรมีย์ 6:17 เราวางยามไว้เหนือเจ้าสั่งว่า'จงฟังเสียงเขาสัตว์'แต่เขาทั้งหลายกล่าวว่า'เราทั้งหลายจะไม่ยอมฟัง'..

เยเรมีย์ 42:14 และกล่าวว่า'ไม่เอาเราจะเข้าไปในแผ่นดินอียิปต์ที่ซึ่งเราจะไม่เห็นสงครามจะไม่ได้ยินเสียงเขาสัตว์จะไม่หิวขนมปัง..

เยเรมีย์ 51:27 จงตั้งธงไว้บนแผ่นดินโลกจงเป่าเขาสัตว์ท่าม กลางประชาชาติทั้งหลายจงเตรียมประชาชาติทั้งหลายไว้ทำสงครามกับมันจงเรียก ราชอาณาจักรต่อไปนี้มาสู้กับมันอารารัตมินนีและอัชเคนัสจงตั้งจอมทัพไว้ ต่อสู้มันจงทำม้าขึ้นเหมือนบุ้งคันระเกะระกะ..

เอเสเคียล 33:3 และถ้าเขาเห็นดาบมาเหนือแผ่นดินจึงเป่าเขาสัตว์และตักเตือนประชาชน..

เอเสเคียล 33:4 เมื่อคนหนึ่งคนใดได้ยินเสียงเขาสัตว์แต่ไม่นำพาต่อเสียงตักเตือนและดาบนั้นก็มาพาเอาคนนั้นไปเสียที่เขาต้องตายนั้นเขาเองต้องรับผิดชอบ..

เอเสเคียล 33:5 คือเขาได้ยินเสียงเขาสัตว์แต่ไม่นำพาต่อเสียงตักเตือนตัวเขาเองต้องรับผิดชอบถ้าเขาได้นำพาต่อเสียงตักเตือนแล้วเขาคงจะได้ช่วยชีวิตของตนเองให้รอด..

เอเสเคียล 33:6 แต่ถ้าคนยามเห็นดาบมาแล้วและไม่เป่าเขาสัตว์ประชาชน จึงไม่ได้รับเสียงตักเตือนและดาบก็มาพาคนหนึ่งคนใดไปเสียคนนั้นถูกนำไปด้วย เรื่องความบาปชั่วของเขาแต่เราจะลงโทษคนยามเพราะความตายของคนนั้น..

ดาเนียล 3:5 เมื่อท่านได้ยินเสียงเขาสัตว์ปี่ พิณเขาคู่พิณสี่สายพิณใหญ่ปี่ถุงและเครื่องดนตรีทุกชนิดให้ท่านทั้งหลายกราบ ลงนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งไว้..

ดาเนียล 3:7 เพราะฉะนั้นพอประชาชนได้ยินเสียงเขาสัตว์ปี่ พิณเขาคู่พิณสี่สายพิณใหญ่ปี่ถุงและเครื่องดนตรีทุกชนิดบรรดาชนชาติประชา ชาติทั้งปวงและภาษาทั้งหลายก็กราบลงนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งกษัตริย์เนบูคัด เนสซาร์ได้ทรงตั้งไว้..

ดาเนียล 3:10 ข้าแต่พระราชาฝ่าพระบาททรงออกกฤษฎีกาแล้วว่าทุกคนผู้ได้ยินเสียงเขาสัตว์ปี่พิณเขาคู่พิณสี่สายพิณใหญ่ปี่ถุงและเครื่องดนตรีทุกชนิดก็ให้กราบลงนมัสการปฏิมากรทองคำ..

ดาเนียล 3:15 เอาเถอะถ้าเจ้าพร้อมใจแล้วพอเจ้าได้ยินเสียงเขาสัตว์ปี่ พิณเขาคู่พิณสี่สายพิณใหญ่ปี่ถุงและเครื่องดนตรีทุกชนิดเจ้าจงกราบลงนมัสการ ปฏิมากรซึ่งเราได้สร้างไว้แต่ถ้าเจ้าไม่นมัสการจะต้องโยนเจ้าทันทีเข้าไปใน เตาที่ไฟลุกอยู่และผู้ใดเล่าจะเป็นพระที่จะช่วยกู้ให้เจ้าพ้นจากมือของเรา ได้"..

โฮเชยา 5:8 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในกิเบอาห์จงเป่าแตรที่ในรามาห์จงร้องตะโกนที่เบธาเวนโอเบนยามินเอ๋ยจงสั่นสะท้านเถิด..

โฮเชยา 8:1 จงจรดเขาสัตว์ไว้ ที่ริมฝีปากของเจ้าเพราะว่าแร้งตัวหนึ่งกำลังอยู่เหนือพระนิเวศของพระเจ้า เพราะเขาได้หักพันธสัญญาของเราและละเมิดธรรมบัญญัติของเรา..

โยเอล 2:1 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในศิโยนจงเปล่งเสียงปลุกบนภูเขาบริสุทธิ์ของข้าพเจ้าให้ชาวแผ่นดินทั้งสิ้นตัวสั่นเพราะวันแห่งพระเจ้ากำลังมาแล้วใกล้เข้ามาแล้ว..

โยเอล 2:15 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในศิโยนจงเตรียมทำพิธีอดอาหารจงเรียกประชุมตามพิธี..

อาโมส 2:2 ดัง นั้นเราจะส่งไฟมาบนโมอับและไฟนั้นจะกินวังป้อมของเคริโอทเสียและโมอับจะตาย ท่ามกลางเสียงอึงคะนึงท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงเขาสัตว์..

อาโมส 3:6 เขาจะเป่าเขาสัตว์ในเมืองและประชาชนไม่ตกใจกลัวอะไรหรือจะมีภัยตกอยู่ในเมืองหนึ่งเมืองใดหรือนอกจากว่าพระเจ้าทรงกระทำเอง..

อาโมส 6:13 เจ้าทั้งหลายผู้เปรมปรีดิ์อยู่ในโลเดบาร์{แปลว่าสิ่งอันไร้สาระ}ผู้ซึ่งกล่าวว่า"เราได้ยึดคารนาอิม{แปลว่าเขาสัตว์}มาเป็นของเราด้วยกำลังของเรามิใช่หรือ"..

เศฟันยาห์ 1:16 เป็นวันที่มีเสียงเขาสัตว์และวันโห่ร้องต่อเมืองทั้งหลายที่มีสันปราการและต่อป้อมสูง..

เศคาริยาห์ 9:14 แล้วพระเจ้าจะทรงปรากฏเหนือเขาทั้งหลายและลูกธนูของพระองค์จะออกไปเหมือนฟ้าแลบพระเจ้าจะทรงเป่าเขาสัตว์และเสด็จไปในลมบ้าหมูทิศใต้..
พระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับเสียงแตร
เพื่อการค้นคว้า
อพยพ 19:13 อย่าใช้มือฆ่าผู้นั้นเลยให้เอาหินขว้างหรือยิงเสียจะเป็นสัตว์ก็ดีหรือเป็นมนุษย์ก็ดีอย่าไว้ชีวิต'เมื่อได้ยินเสียงแตรเป่ายาวให้เขาทั้งหลายมายังภูเขานั้น"..

อพยพ 19:16 อยู่มาพอถึงรุ่งเช้าวันที่สามก็บังเกิดฟ้าร้องฟ้าแลบมีเมฆอันหนาทึบปกคลุมภูเขานั้นไว้กับมีเสียงแตรดังสนั่นจนคนทั้งปวงที่อยู่ในค่ายต่างก็พากันกลัวจนตัวสั่น..

อพยพ 19:19 เมื่อเสียงแตรยิ่งดังขึ้นโมเสสก็กราบทูลพระเจ้าก็ตรัสตอบเป็นเสียงฟ้าร้อง..

อพยพ 20:18 คนทั้งหลายเมื่อได้ยินได้เห็นฟ้าร้องฟ้าแลบเสียงแตรและควันที่พลุ่งขึ้นจากภูเขาเช่นนั้นต่างก็ยืนตัวสั่นอยู่แต่ไกล..

เลวีนิติ 23:24 จง กล่าวแก่คนอิสราเอลว่าในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ดเจ้าทั้งหลายจงถือเป็น วันหยุดพักสงบวันหนึ่งเป็นวันประชุมบริสุทธิ์ประกาศเป็นที่ระลึกด้วยเสียงแตร..

กันดารวิถี 10:2 จงทำแตรเงินสองคันด้วยใช้ค้อนทุบเจ้าจงใช้แตรนั้นเรียกชุมนุมและใช้รื้อย้ายค่าย..

กันดารวิถี 10:3 เมื่อเป่าแตรทั้งสองนั้นก็ให้มาชุมนุมพร้อมกันกับเจ้าที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ..

กันดารวิถี 10:4 ถ้าเป่าแตรคันเดียวให้ประมุขผู้หัวหน้าเผ่าอิสราเอลมาประชุมกับเจ้า..

กันดารวิถี 10:5 เมื่อเป่าแตรปลุกให้บรรดาค่ายที่ตั้งอยู่ด้านตะวันออกยกออกเดิน..

กันดารวิถี 10:6 เมื่อเป่าแตรปลุกหนที่สองให้บรรดาค่ายที่อยู่ด้านใต้ยกออกเดินเมื่อใดจะให้ยกออกเดินก็ให้เป่าแตรปลุก..

กันดารวิถี 10:7 แต่เมื่อจะให้คนทั้งปวงมาประชุมพร้อมกันจงเป่าแตรแต่อย่าทำเสียงปลุก..

กันดารวิถี 10:8 ให้บุตรของอาโรนคือปุโรหิตเป็นคนเป่าแตรแตรนี้จะเป็นบัญญัติถาวรตลอดชั่วชาตพันธุ์ของเจ้า..

กันดารวิถี 10:9 และเมื่อเจ้าทั้งหลายจะไปทำศึกในแผ่นดินของเจ้าสู้ศัตรูผู้มาบีบบังคับเจ้าก็ให้เป่าแตรทำเสียงปลุกเพื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าจะทรงระลึกถึงเจ้าและช่วยเจ้าให้พ้นจากศัตรูของเจ้า..

กันดารวิถี 10:10 ในวันที่เจ้าทั้งหลายมีความยินดีและในงานเทศกาลและในวันต้นเดือนของเจ้าเจ้าจงเป่าแตรเหนือ เครื่องเผาบูชาและเหนือสัตวบูชาอันเป็นเครื่องศานติบูชาเป็นที่ให้พระเจ้า ของเจ้าระลึกถึงเจ้าเราเป็นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า"..

กันดารวิถี 29:1 ในวันที่หนึ่งเดือนที่เจ็ดเจ้าจงมีการประชุมบริสุทธิ์เจ้าอย่าทำงานหนักเป็นวันให้เจ้าทั้งหลายเป่าแตร..

กันดารวิถี 31:6 และ โมเสสส่งคนเผ่าละพันคนออกไปทำสงครามทั้งคนเหล่านั้นกับฟีเนหัสบุตรเอเลอา ซาร์ปุโรหิตพร้อมกับเครื่องใช้ของสถานนมัสการและมีแตรปลุกอยู่ในมือ..

โยชูวา 6:6 ฝ่ายโยชูวาบุตรนูนจึงเรียกปุโรหิตมาสั่งว่า"จงยกหีบพันธสัญญาขึ้นหามไปให้ปุโรหิตเจ็ดคนถือแตรเขาแกะเจ็ดคันเดินนำหน้าหีบแห่งพระเจ้า"..

โยชูวา 6:20 เหตุฉะนั้นประชาชนก็โห่ร้องและแตรก็ เป่าพอประชาชนได้ยินเสียงเขาแกะเขาก็โห่ร้องดังและกำแพงก็พังลงราบประชาชน จึงขึ้นไปในเมืองทุกคนต่างตรงไปข้างหน้าตนและเข้ายึดเมืองนั้น..

2 พงศ์กษัตริย์ 11:14 และเมื่อพระนางทอดพระเนตรก็แลเห็นพระราชาประทับยืนอยู่ที่ข้างเสาตามธรรมเนียมประเพณีมีนายทัพนายกองและพลแตรอยู่ข้างพระราชาและราษฎรทั้งสิ้นก็ร่าเริงและเป่าเขาสัตว์พระนางอาธาลิยาห์ก็ฉีกฉลองพระองค์ทรงร้องว่า"กบฏกบฏ"..

2 พงศ์กษัตริย์ 12:13 แต่ว่าเงินที่นำมาถวายในพระนิเวศของพระเจ้านั้นมิได้นำไปใช้ในการทำถ้วยเงินตะไกรตัดใส้ตะเกียงชามแตรหรือภาชนะทองคำใดๆหรือภาชนะเงิน..

1 พงศาวดาร 13:8 และ ดาวิดกับอิสราเอลทั้งปวงก็ร่าเริงกันอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าด้วยเต็มกำลัง ของเขาทั้งหลายด้วยเพลงพิณเขาคู่พิณใหญ่รำมะนาฉาบและแตร..

1 พงศาวดาร 15:24 เชบานิยาห์โยชาฟัทเนธันเอลอามาสัยเศคาริยาห์เบไนยาห์และเอลีเอเซอร์ปุโรหิตได้เป่าแตรหน้าหีบของพระเจ้าโอเบดเอโดมและเยฮีห์เป็นนายประตูเฝ้าหีบด้วย..

1 พงศาวดาร 15:28 ดังนี้แหละคนอิสราเอลทั้งปวงได้นำหีบพันธสัญญาของพระเจ้าขึ้นมาด้วยเสียงโห่ร้องเสียงเป่าเขาเสียงแตรและฉาบและทำเพลงเสียงดังด้วยพิณใหญ่และพิณเขาคู่..

1 พงศาวดาร 16:6 และเบไนยาห์กับยาฮาซีเอลปุโรหิตจะเป่าแตรเรื่อยไปหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า..

1 พงศาวดาร 16:42 และพร้อมกับเขาเฮมานและเยดูธูนมีแตรและฉาบเพื่อบรรเลงและเครื่องดนตรีประกอบเพลงถวายพระเจ้าบุตรหลานของเยดูธูนได้รับแต่งตั้งให้ประจำประตู..

1 พงศาวดาร 25:5 คนเหล่านี้เป็นบุตรเฮมานผู้ทำนายของพระราชาตามพระสัญญาของพระเจ้าเพื่อจะเป่าแตรและพระเจ้า{หรือเพื่อเสริมกำลังของท่านนะพระเจ้า}ทรงประทานบุตรชายสิบสี่คนและบุตรหญิงสามคนแก่เฮมาน..

2 พงศาวดาร 5:12 และ บรรดาพวกเลวีที่เป็นนักร้องทั้งหมดทั้งอาสาฟเฮมานและเยดูธูนทั้งบุตรชายและ ญาติของเขาทั้งหลายแต่งกายด้วยผ้าป่านมีฉาบพิณใหญ่และพิณเขาคู่ยืนอยู่ทาง ตะวันออกของแท่นบูชาพร้อมกับปุโรหิตคนแตรหนึ่งร้อยยี่สิบคน)..

2 พงศาวดาร 5:13 พวกคนแตรและพวกนักร้องจะทำให้คนได้ยินเขาทั้งหลายร้องเพลงสรรเสริญและเพลงโมทนาพระคุณเป็นเสียงเดียวกันและเมื่อเขาร้องขึ้นพร้อมกับแตรและ ฉาบกับเครื่องดนตรีอย่างอื่นในการถวายสรรเสริญแด่พระเจ้าว่า"เพราะพระองค์ ประเสริฐเพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์"พระนิเวศคือพระนิเวศของ พระเจ้าก็มีเมฆเต็มไปหมด..

2 พงศาวดาร 7:6 บรรดา ปุโรหิตก็ยืนประจำตำแหน่งของตนทั้งคนเลวีด้วยพร้อมกับเครื่องดนตรีถวายแด่ พระเจ้าซึ่งกษัตริย์ดาวิดได้ทรงกระทำเพื่อถวายโมทนาแด่พระเจ้าเมื่อดาวิดได้ ถวายสาธุการด้วยฝีมือของเขาทั้งหลาย(เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ เป็นนิตย์)และปุโรหิตก็เป่าแตรข้างหน้าเขาและอิสราเอลทั้งปวงยืนอยู่..

2 พงศาวดาร 13:12 และดูเถิดพระเจ้าทรงอยู่กับเรานำหน้าเราและปุโรหิตของพระองค์พร้อมกับแตรศึก พร้อมที่จะเป่าเรียกทำสงครามต่อสู้กับท่านข้าแต่ลูกหลานของอิสราเอลขออย่า ต่อสู้กับพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านเพราะท่านจะชนะไม่ได้"..

2 พงศาวดาร 13:14 และเมื่อยูดาห์มองดูดูเถิดการศึกก็อยู่ข้างหน้าและข้างหลังเขาและเขาทั้งหลายก็ร้องทูลต่อพระเจ้าและบรรดาปุโรหิตก็เป่าแตร..

2 พงศาวดาร 15:14 เขาทั้งหลายได้กระทำสัตย์สาบานต่อพระเจ้าด้วยเสียงอันดังและด้วยเสียงโห่ร้องและด้วยเสียงแตรและเขาสัตว์..

2 พงศาวดาร 20:28 เขาทั้งหลายมายังเยรูซาเล็มด้วยพิณใหญ่และพิณเขาคู่และแตรยังพระนิเวศของพระเจ้า..

2 พงศาวดาร 23:13 และเมื่อพระนางทอดพระเนตรก็มีพระราชาประทับยืนอยู่ที่เสาหานของพระองค์ตรงที่ทางเข้าบรรดาผู้บังคับกองและพลแตรก็อยู่ข้างพระราชาและราษฎรทั้งปวงก็เปรมปรีดิ์และเป่าแตรบรรดานักร้องพร้อมกับเครื่องดนตรีของขาก็นำการสรรเสริญพระนางอาธาลิยาห์ก็ฉีกฉลองพระองค์ของพระนางทรงร้องว่า"กบฏกบฏ"..

2 พงศาวดาร 29:26 คนเลวีก็ยืนอยู่ถือเครื่องดนตรีของดาวิดและปุโรหิตถือแตร..

2 พงศาวดาร 29:27 แล้วเฮเซคียาห์ทรงบัญชาว่าให้ถวายเครื่องเผาบูชานั้นบนแท่นและเมื่อเริ่มถวายเครื่องเผาบูชาก็เริ่มถวายเพลงแก่พระเจ้าและแตรกับเครื่องดนตรีของดาวิดพระราชาของอิสราเอลก็เริ่มด้วย..

2 พงศาวดาร 29:28 ชุมนุมชนทั้งสิ้นก็นมัสการและนักร้องก็ร้องเพลงและคนดนตรีก็เป่าแตรทำอย่างนี้อยู่จนถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จ..

เอสรา 3:10 และเมื่อช่างก่อได้วางรากของพระวิหารแห่งพระเจ้าบรรดาปุโรหิตก็แต่งเครื่องยศออกมาพร้อมกับแตรและคนเลวีพงศ์พันธุ์ของอาสาฟพร้อมกับฉาบถวายสรรเสริญพระเจ้าตามพระราชกำหนดของดาวิดพระราชาแห่งอิสราเอล..

เนหะมีย์ 12:35 และพวกปุโรหิตบางคนที่มีแตรคือเศคาริยาห์บุตรโยนาธานผู้เป็นบุตรเชไมอาห์ผู้เป็นบุตรมัทธานิยาห์ผู้เป็นบุตรมีคายาห์ผู้เป็นบุตรศักเกอร์ผู้เป็นบุตรอาสาฟ..

เนหะมีย์ 12:41 กับปุโรหิตที่ถือแตรคือเอลียาคิมมาอาเสอาห์มินยามินมีคายาห์เอลีโอนัยเศคาริยาห์กับฮานันยาห์..

เพลงสดุดี 47:5 พระเจ้าเสด็จขึ้นด้วยเสียงโห่ร้องพระเจ้าเสด็จขึ้นด้วยเสียงแตร..

เพลงสดุดี 81:3 จงเป่าแตรเมื่อวันขึ้นค่ำเมื่อวันเพ็ญณวันการเลี้ยงของเรา..

เพลงสดุดี 98:6 ด้วยเสียงแตรและเสียงเป่าเขาสัตว์จงกระทำเสียงชื่นบานถวายพระมหากษัตริย์คือพระเจ้า..

เพลงสดุดี 150:3 จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตรจงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณเขาคู่และพิณใหญ่..

เอเสเคียล 7:14 เขาได้เป่าแตรแล้วและได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแต่ไม่มีใครเข้าสงครามเพราะว่าพิโรธของเราอยู่เหนือประชากรของเธอ..

โฮเชยา 5:8 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในกิเบอาห์จงเป่าแตรที่ในรามาห์จงร้องตะโกนที่เบธาเวนโอเบนยามินเอ๋ยจงสั่นสะท้านเถิด..
มัทธิว 6:2 เหตุฉะนั้นเมื่อท่านทำทานอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่านเหมือนคนหน้าซื่อใจคดกระทำในธรรมศาลาและตามถนนเพื่อให้คนสรรเสริญเราบอกความจริงแก่ท่านว่าเขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว..

มัทธิว 24:31 พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนักให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้วทั้งสี่ทิศนั้นตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น..

1 โครินธ์ 14:8 ถ้าแตรเดี่ยวเปล่งเสียงไม่ชัดเจนใครเล่าจะเตรียมตัวเข้าประจัญบาน..

1 โครินธ์ 15:52 ในชั่วขณะเดียวในพริบตาเดียวเมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้ายเพราะว่าจะมีเสียงแตรและคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเน่าเปื่อยแล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่..

1 เธสะโลนิกา 4:16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่งด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้าและคนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน..

ฮีบรู 12:19 และถึงเสียงแตรและถึงพระสุรเสียงตรัสซึ่งคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วได้อ้อนวอนขอไม่ให้ตรัสแก่เขาอีก..

วิวรณ์ 1:10 พระวิญญาณได้ทรงดลใจข้าพเจ้าในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าและข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงดังมาจากเบื้องหลังข้าพเจ้าดุจเสียงแตร..

วิวรณ์ 4:1 ต่อจากนั้นข้าพเจ้าได้เห็นประตูสวรรค์เปิดอ้าอยู่และพระสุรเสียงแรกซึ่งข้าพเจ้าได้ยินนั้นได้ตรัสกับข้าพเจ้าดุจเสียงแตรว่าจงขึ้นมาบนนี้เถิดและเราจะสำแดงให้เจ้าเห็นเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นในภายหน้า..

วิวรณ์ 8:2 แล้วข้าพเจ้าก็เห็นทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดองค์ที่ยืนอยู่หน้าพระเจ้านั้นได้รับพระราชทานแตรเจ็ดคัน..

วิวรณ์ 8:6 และทูตสวรรค์เจ็ดองค์ที่ถือแตรทั้งเจ็ดนั้นต่างก็เตรียมพร้อมที่จะเป่า..

วิวรณ์ 8:7 เมื่อทูตสวรรค์องค์แรกเป่าแตรขึ้น ลูกเห็บและไฟปนด้วยเลือดก็ตกลงมาบนแผ่นดินแผ่นดินโลกไหม้ไปหนึ่งในสามส่วน ต้นไม้ไหม้ไปหนึ่งในสามส่วนและหญ้าเขียวสดไหม้ไปหมดสิ้น..

วิวรณ์ 8:8 เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สองเป่าแตรขึ้นก็มีสิ่งหนึ่งเหมือนภูเขาใหญ่กำลังลุกไหม้ถูกทิ้งลงไปในทะเลและทะเลนั้นได้กลายเป็นเลือดเสียหนึ่งในสามส่วน..

วิวรณ์ 8:10 เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สามเป่าแตรขึ้นก็มีดาวใหญ่ดวงหนึ่งเป็นเปลวไฟลุกโพลงดุจไต้ตกจากท้องฟ้าดาวนั้นตกลงบนแม่น้ำหนึ่งในสามส่วนและตกที่บ่อน้ำพุทั้งหลาย..

วิวรณ์ 8:12 เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สี่เป่าแตรขึ้น ดวงอาทิตย์ก็ถูกทำลายไปหนึ่งในสามส่วนดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายก็เช่น เดียวกันจึงมืดไปหนึ่งในสามส่วนกลางวันก็ไม่สว่างเสียหนึ่งในสามส่วนและกลาง คืนก็เช่นเดียวกับกลางวัน..

วิวรณ์ 8:13 แล้ว ข้าพเจ้าก็มองดูและได้ยินนกอินทรีตัวหนึ่งที่บินอยู่ในท้องฟ้าร้องประกาศ เสียงดังว่าวิบัติวิบัติวิบัติจะมีแก่คนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกเพราะ เสียงแตรอีกสามคันซึ่งทูตทั้งสามองค์กำลังจะเป่าอยู่แล้ว..

วิวรณ์ 9:1 เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่ห้าเป่าแตรขึ้นข้าพเจ้าก็เห็นดาวดวงหนึ่งตกจากฟ้าลงมาที่แผ่นดินโลกพระเจ้าทรงประทานลูกกุญแจสำหรับช่องบาดาลให้แก่ดาวดวงนั้น..

วิวรณ์ 9:13 เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่หกเป่าแตรขึ้นข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงออกมาจากเชิงงอนมุมทั้งสี่ของแท่นทองคำที่อยู่เบื้องหน้าพระเจ้า..

วิวรณ์ 9:14 เสียงนั้นสั่งทูตสวรรค์องค์ที่หกที่ถือแตรนั้นว่าจงแก้มัดทูตสวรรค์ทั้งสี่ที่ถูกมัดไว้ที่แม่น้ำใหญ่นั้นคือแม่น้ำยูเฟรติส..
วิวรณ์ 10:7 แต่ว่าในวันที่ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดจะเป่าแตรนั้นความล้ำลึกของพระเจ้าที่พระองค์ได้ตรัสไว้แก่พวกผู้เผยพระวจนะซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระองค์นั้นก็จะสำเร็จ..

วิวรณ์ 11:15 และทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เป่าแตรขึ้น และมีเสียงหลายๆเสียงกล่าวขึ้นดังๆในสวรรค์ว่าราชอาณาจักรแห่งพิภพนี้ได้ กลับเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและเป็นของพระคริสต์ของ พระองค์และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์..

วิวรณ์ 18:22 และจะไม่มีใครได้ยินเสียงนักดีดพิณนักเล่นมโหรีนักเป่าขลุ่ยและนักเป่าแตรในเจ้าอีกต่อไปและในเจ้าจะไม่มีช่างในวิชาช่างต่างๆอีกต่อไปและจะไม่มีใครได้ยินเสียงโม่แป้งในเจ้าอีกต่อไป..
ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ต้นไม้ที่ยังมีชีวิต

ต้นไม้ที่ยังมีชีวิต
1 ยอห์น

          ครั้งหนึ่งผมเคยดูสารคดีที่เกี่ยวกับเรื่องของธรรมชาติ และผมก็พบว่าต้นไม้บางต้นนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาของการผลัดใบ ใบไม้ก็จะร่วงจนหมด จนเหมือนต้นไม้ที่ตายแล้ว หรือบางครั้งก็อาจเกิดจากปัจจัยบางประการซึ่งทำให้ต้นไม้นั้นใบร่วงหล่นจนหมด บางคนอาจจะคิดว่าต้นไม้ต้นนั้นได้ตายไปแล้วเพราะไม่มีใบและไม่สามารถเกิดผลได้อีกแล้ว

          เราจะบอกถึงความแตกต่างได้อย่างไร ระหว่างต้นไม้ชนิดนี้ที่ยังไม่ตาย กับต้นไม้ที่ตายไปแล้วจริงๆ บางครั้งก่อนหน้าที่จะมีเครื่องมือที่ทันสมัยเช่นในปัจจุบัน อาจะใช้วิธีการขุดหรือโค่นต้นไม้นั้นเพื่อดูเนื้อไม้ว่าต้นนี้ตายแล้วหรือยังไม่ตาย เราอาจจะโค่นต้นไม้ที่ยังไม่ตายที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ อะไรล่ะคือความแตกต่าง และเราจะรู้ถึงความแตกต่างได้อย่างไรโดยที่ไม่ต้องโค่นด้วยวิธีรุนแรง

          ในคริสตจักรอาจจะมีคริสเตียน 2 กลุ่มนี้คือคริสเตียนที่หลับอยู่ เช่นต้นไม้ที่ยังไม่ตาย และ
คริสเตียนที่ตายสนิท แต่สิ่งที่เหมือนกันหรือคล้ายกันก็คือ ทั้งสอง ไม่มีการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ ถ้าผู้นำคริสตจักรนิ่งนอนใจว่าเขาไม่เป็นไร ไม่ต้องช่วยเหลือหรือดูแล เราก็อาจะไม่ได้พบกันอีกที่สวรรค์ก็ได้

          การที่จะรู้ว่าต้นม้นั้นจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้นทำได้โดย การรดน้ำ ใส่ปุ๋ยเอาใจใส่และดูแลต้นไม้ต้นนั้น ต้นไม้ที่หลับอยู่หรือใกล้ตายก็จะตื่นขึ้นมาและผลิดอกออกผลมีใบใหม่เกิดขึ้น การออกผลเป็นการยืนยันถึงการมีชีวิตที่สมบรณ์

          เราต้องท้าทายกลุ่มคริสเตียนที่ไม่มีการเติบโตฝ่ายวิญญาณ เพื่อที่จะให้เขามีการเติบโตและออกผล คือเกิดผลในฝ่ายวิญญาณ เช่นเดียวกันเมื่อมีผลฝ่ายวิญญาณก็หมายความว่า ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่มีชีวิต ชีวิตที่ยังคงอยู่คือชีวิตที่เกิดผลฝ่ายวิญญาณ

          ยอห์น 15:5 เราเป็นเถาองุ่น   ท่านทั้งหลายเป็นแขนง   ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา   ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก   เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
การไม่เกิดผลเลยก็เหมือนกับารที่ตายไปแล้ว หลายครั้งเราเข้าสนิทผิดคนทำให้เราไม่เกิดผลและเหี่ยวแห้งตายไป การมีชีวิตนี้รวมไปถึงการมีชีวิตนิรันดร์ด้วย บางคนสงสัยในความรอดของตัวเอง
          ในพระคัมภีร์ 1 ยอห์น ได้อธิบายถึงครูเทียมเท็จที่สอนเรื่องไม่จริงว่า ร่างกายเป็นสิ่งชั่วร้าย ดังนั้นเมื่อร่างกายทำผิดบาป จิตวิญญาณภายในก็ยังชอบธรรมอยู่ หลายคนที่เชื่อคำสอนเท็จนี้จึงเดินและใช้ชีวิตในความบาปอย่างเปิดเผย ใน 1 ยอห์น ยอห์น ได้ชี้ให้ผู้อ่านพบว่า คำสอนแบบนี้เป็นคำสอนเท็จ และต้องการให้ผู้อ่านมีความมั่นใจในความรอด บททดสอบ 3 อย่างใน 1 ยอห์น คือ
1.ทดสอบเรื่องความบาป 1:5  - 2:2
          เราต้องรู้ก่อนเยว่าเราเป็นคนบาป พวกนอกรีตเทียมเท็จที่อ้างตัวว่าไม่บาป คนพวกนี้ก็เป็นพวกลวงตนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องตกเป็นทาสของความบาปนะครับ หลายคนไม่ยอมรับและลวงตนเองก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปลึกเรื่อยๆในความบาป โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เราก็ได้รับการชำระแล้ว ถ้าเราสารภาพบาปของเรา เราก็ได้รับการอภัย บาปที่ทำบ่อยๆซ้ำๆซากๆก็นำไปถึงความตายและไม่ได้เกิดจากพระเจ้าแต่มาจากมาร
เราต้องมั่นใจ คือการมั่นใจว่า….
เราได้รับการอภัยโทษความบาป 1 ยอห์น 1:9-10
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา   พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม   ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา   และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น 10ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่ได้ทำบาป   ก็เท่ากับเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา   และพระดำรัสของพระองค์ก็มิได้อยู่ในเราทั้งหลายเลย

2.ทดสอบเรื่องความรัก 2:2-11
ความรักที่พระเจ้าให้บัญญัติแก่เรานั้น เราเป็นคนที่ประพฤติตามหรือไม่ พระเจ้าให้เรามีความรัก เราอาจจะอ้างว่าเราอยู่ในความสว่าง แต่พระคัมภีร์บอกว่าถ้าเราเกลียดพี่น้องของตน เราก็อยู่ในความมืด นั่นก็คือได้ตายไปแล้ว การรักซึ่งกันและกันเป็นบัญญัติของพระเจ้า คือการรักด้วยการกระทำและความจริงใจ ไม่ใช่แค่คำพูดและปากเท่านั้น
เราประพฤติตามพระวจนะแห่งความรักหรือไม่ หรือเพียงแค่บอกว่าเรารู้จักพระเจ้าแต่ไม่ได้ประพฤติตาม พระคัมภีร์บอกว่าความจริงไม่ได้อยู่ในคนคนนั้นเลย (2:4-5) เราต้องสำรวจตัวเองดูว่าเรารักพี่น้องหรือไม่ ไม่ว่าเขาจะดีกับเราหรือไม่เราต้องรักโดยไม่มีเงื่อนไข และข้อแม้ ถ้าเราทำไม่ได้เราก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า ความรักนั้นตรงข้ามกับความเกลียด
ถ้าผู้ใดว่าข้าพเจ้ารักพระเจ้าแต่ยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้ เมื่อเรารักพระเจ้า เราต้องรักพี่น้องด้วยเพราะว่าพระเจ้าเป็นความรัก และสถิตอยู่ในเรา

3.ทดสอบเรื่องพระเยซู
          เราต้องรู้ว่าเราเชื่อพระเยซู เราเชื่ออะไรในพระองค์ เราต้องเชื่อว่าพระเยซูในสภาพมนุษย์ กับพระเยซูในฐานะพระเจ้าเป็นบุคคลคนเดียวกัน เราเชื่อแบบนั้นหรือไม่?
คำสอนหรือความเชื่อที่ปฏิเสธเรื่องนี้ ว่าพระองค์ไม่ใช่คนเดียวกัน คือคำสอนความเชื่อจอมปลอม เราต้องเชื่ออีกด้วยว่าพระองค์มาในสภาพมนุษย์ ถ้าเรายอมรับและเชื่อเช่นนี้ เราก็มีวิญญาณที่มาจากพระเจ้า หากเราไม่เชื่อเราก็เป็นปฏิปักษ์กับพระคริสต์
           นอกจากนี้เราต้องยอมรับและมั่นใจว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า การยอมรับความจริงนี้ พระเจ้าจะสถิตในเราและเราก็อยู่ในพระเจ้า ที่มีชีวิต (4:15)

ผลของพระวิญญาณ
ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น  
คือความรัก   ความปลาบปลื้มใจ   สันติสุข   ความอดกลั้นใจ   ความปรานี   ความดี   ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม   การรู้จักบังคับตน   เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
กาลาเทีย 5.22-26

เราสามารถดูคนที่มีชีวิต และความเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ ไม่ใช่แค่ภายนอกว่าเขาดูดี มีความรู้สูง จบศาสนาจารย์ หรือเก่ง แต่ตัววัดถึงชีวิตที่แท้จริงก็คือผลของพระวิญญาณ

ต้นไม้ที่ยังมีชีวิตจะสามารถผลิดอกและออกผลได้ คริสเตียนที่มีผลฝ่ายวิญญาณก็เป็นผู้ที่มีชีวิต ผลฝ่ายวิญญาณใน 1 ยอห์น คือ
-ความชอบธรรม คือมีชีวิตในความชอบธรรมของพระองค์และไม่ทำบาป
-ความรู้ (เชื่อ) เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระคริสต์และพระบุตรของพระเจ้า
-ความรัก คือมีความรักเหมือนดั่งที่พระองค์ทรงมีด้วยการกระทำและด้วยจริงใจ

จงมั่นใจเมือท่านผ่านการทดสอบเหล่านี้ ว่าเราได้รับชีวิตนิรันดร์แล้ว (5:13) คริสเตียนที่หลับใหลจงตื่นขึ้น เราไม่ใช่ต้นไม้ที่ตายแล้ว จงตื่นขึ้นและเติบโตขึ้นในฝ่ายวิญญาณ ขอพระเจ้าช่วยเรา

ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship





วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พระเจ้าในคริสตจักร

พระเจ้าในคริสตจักร


อย่างพึ่งตกใจหรือเบื่อก่อนที่เกริ่นเรื่องคริสตจักรที่เราได้เรียนรู้มานานแสนนานว่าคริสตจักรคืออะไร หรือหมายความว่าอย่างไรนะครับ หลายครั้งแรกที่ผมเข้าไปที่คริสตจักรแห่งหนึ่ง โดยที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียนในฐานะคนที่แปลกหน้า ผมต้องแปลกใจอย่างมากว่าทำไมคนที่นี่ถึงได้ยิ้มเก่งกันนัก มันน่าจะเคร่งเครียดเคร่งศาสนากันหน่อยสิ และอยู่ๆก็มีคนคนหนึ่งเดินมาทักผม อ่าว !!
เราไม่รู้จักกันเลยนะนี่ งงมาก อีกคนเดินๆจับมือพูดคุยทักทายเหมือนรู้จักกันมานานจะสิบปี นี่หรือคริสตจักรของพระเจ้า ผมคิดในตอนนั้น

เราเองในฐานะคริสเตียนและเป็นผู้แทนที่สะท้อนชีวิตและความรักของพระเจ้า พระเยซูที่มีต่อมนุษย์โลกทุกคนไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเช่นไร จะแปลกหน้าหรือไม่ บางครั้งถ้าเราไม่ระมัดระวังคริสตจักรเองก็อาจจะสะท้อนความเป็นตัวเองหรือบุคคลเนื้อหนังมากกว่าที่จะสะท้อนบุคคลิกภาพของพระเยซู และคนภายนอกก็จะไม่สัมผัสถึงการทรงสถิตของพระเจ้าในคริสตจักร ซึ่งนั่นนอกจากจะเป็นตัวอาคารแล้ว ยังรวมถึงบุคคลด้วย

คริสตจักรที่ขาดผลของพระวิญญาณ และคริสตจักรที่มีการทะเลาะกัน แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ยังกับการเมืองที่แบ่งสีแบ่งพรรค พวกใครพวกมัน มีการนินทา อิจฉา และทำร้ายกันด้วยคำพูด นี่เป็นเพียงตัวอย่าง และมีอีกมากมาย

แล้วคริสตจัรต้องทำอย่างไร ?
คริสตจักรต้องทำให้ผู้คนสัมผัสถึงหัวใจของพระบิดา เราต้องแสดงออกถึงความถ่อมใจ ความรัก การต้อนรับทุกคนที่เข้ามา ปรนนิบัติ แสดงความรักด้วยรูปธรรม ทุกคนที่เข้ามาจะรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น ไม่มีแบ่งแยกชนชั้น รู้จักอดทนซึ่งกันกัน

เราต้องใช้ชีวิตของเราให้สมกับเป็นคริสตจักรและที่ประทับของพระคริสต์ที่สถิตอยู่ในเรา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนทุกคนที่รู้จักและสัมผัสกับเรา เขาจะรู้และสัมผัสได้ถึงบุคลิกภาพของพระเยซูคริสต์

โคโลสี 1:10
เพื่อท่านจะได้ประพฤติอย่างที่สมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า   และทำตนให้เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์   ให้เกิดผลในการดีทุกอย่าง   และจำเริญขึ้นในความรู้ถึงพระเจ้า

ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น   คือความรัก   ความปลาบปลื้มใจ   สันติสุข   ความอดกลั้นใจ   ความปรานี   ความดี   ความสัตย์ซื่อ 23ความสุภาพอ่อนน้อม   การรู้จักบังคับตน   เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย 24ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยาก   และตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว
กาลาเทีย 5:22-24

ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เข้าพบได้ทุกคน

เข้าพบได้ทุกคน

ผมเคยดูหนังฝรั่งหลายเรื่องที่คนใหญ่คนโต เช่นประธานาธิบดีที่อยู่ในทำเนียบขาวนั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่จะเข้าพบนั้นต้องได้รับการอนุญาตเสียก่อนจึงจะเข้าไปพบได้ จะเดินดุ่มๆเขาไปเลยนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้เลย เพราะคุณไม่มีทางผ่านด่านรักษาความปลอดภัยแน่นอน

ก่อนจะเข้าพบประธานาธิบดีได้นั้นคุณต้องผ่านการสอบถามประวัติ รายชื่อและคัดเลือกคนที่เหมาะสมที่จะเข้าพบได้เท่านั้น ไม่เพียงแต่ประธานาธิบดีเท่านั้น สถานที่หลายต่อหลายแห่งในปัจจุบันก็ไม่ใช่จะเข้าออกได้อย่างเสรี ในห้างสรรพสินค้าบางแห่งจะมีป้ายติดตามเขตต่างๆว่า
บุคคลภายนอกห้ามเข้า เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น ป้ายห้ามเข้า

ครั้งหนึ่งผมไปที่ห้างสรรพสินค้าและกำลังหาที่จอดรถเมื่อพบที่จอดก็เลี้ยวเข้าไปจอดในทันทีไม่นานหลังจากนั้น รปภ ก็เดินมาบอกว่าตรงนี้ห้ามจอดครับ เฉพาะผู้บริหารเท่านั้น

อีกเรื่องหนึ่งคือการจะเข้าพบคนใหญ่คนโต หรือผู้มีชื่อเสียงบางคน ต้องผ่านเลขาแสนสวยที่มีคำถามว่า นัดไว้หรือเปล่าค่ะถ้าไม่ได้นัดก็ไม่ได้เข้าพบ แต่..

แต่ พระเจ้าขอเราไม่เคยยุ่งยากกับผู้ที่จะเข้าพบพระองค์ ประเด็นตอนนี้ผมไม่ได้มีอคติกับบุคลเหล่านั้นที่มีขั้นตอนในการเข้าพบ แต่ผมอยากบอกว่าพระเจ้าไม่เคยขัดขวางทุกคนที่จะเข้าพบพระองค์เลย เราไม่เคยเจอป้ายห้ามเข้า หรือเข้าได้เฉพาะคนที่ทำตัวดี หรือถูกใจพระเจ้าเท่านั้น แต่ ทุกๆๆๆๆ คนสามารถเข้าไปพบพระเจ้าได้ พระเจ้าอนุญาตให้เราเข้าพบได้อย่างเสรี ทุกที่ ทุกเวลา ทุกนาที ทุกชั่วโมง ได้ไม่จำกัด

พระเยซูเปิดทางให้ทุกคนเข้ามาหาพระองค์ พระองค์เชิญชวนด้วยซ้ำ บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยและเป็นสุข

เมื่อใดก็ตามที่เราเข้ามาพบพระเจ้าพระองค์ให้เราเข้าพบได้อย่างเสรี บางครั้งเราชอบที่จะอยากจะเข้าไปในที่ที่หวงห้ามและไม่ควรเข้า แต่ในห้องที่เปิดให้เราเข้าไปหาพระบิดาผู้ทรงเป็นเจ้าผู้สร้างฟ้า สวรรค์และแผ่นดินผู้เป็นเจ้าของจักรวาล ห้องที่เต็มไปด้วยความสุขและความชื่นชมยินดีเรากลับไม่อยากจะเข้าและกลัวที่จะเข้าไป

จงเข้าไปหาพระองค์ในห้องที่เปิดให้เข้าออกได้อย่างเสรี ในห้องนั้นเองเราจะพบกับพระองค์ที่จะไม่ทำให้เราผิดหวัง คุณเข้ามาในห้องนี้หรือยัง หรือเรารอที่จะเข้าเฉพาะเมื่อเรามีปัญหาเท่านั้นหรือ ?

เพราะว่าพระองค์ทรงทำให้เราทั้งสองพวกมีโอกาสเข้าเฝ้า พระบิดาโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
เอเฟซัส 2:18
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไม้เท้าที่ไม่ธรรมดา


ไม้เท้าที่ไม่ธรรมดา

ในชีวิตของคนเราที่เกิดมาบนความแตกต่างนั้น บางคนอาจจะมีความ
คิดที่ว่าฉันทำอะไรไม่ได้เลย คนอย่างฉันนะเหรอจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
นั่นคือบางครั้งเราก็อาจจะนั่งคิดถึงอนาคต และกังวลถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
ในวันข้างหน้า ถ้ามันดูมืดมัวไม่เห็นหนทางเราก็มักจะท้อแท้

เราอาจจะคิดถึงสิ่งที่สูญไปในอดีตด้วยเช่นเดียวกัน เราอาจจะเคยมี
หลายสิ่งพรักพร้อม แต่ตอนนี้เราไม่มี อดีตและอนาคตของเราจะเป็น
อย่างไรต่อไป

ถ้าตอนนี้เรากำลังยืนเผชิญปัญหาใหญ่ที่กำลังท้าทายเรา เราเอกที่จะจด
จ่อกับมันที่อาจจะเป็นความโศกเสร้าในอดีต หรืออนาคตที่ไม่มีทาง
ออก และเมื่อเราได้ยินเสียงของพระเจ้าที่เรียกเรา เราก็อาจจะเป็นเหมือน
โมเสสตอนที่พระเจ้าเรียกที่พุ่มไม้ที่ติดไฟตอนนั้น เราอาจจะมัวแต่จดจ่อ
กับสิ่งเบื้อหลังและเบื้องหน้าและคิดเอาด้วยสติปัญญาของมนุษย์ มัน
ดูมืดมนเสียจริงๆ ตอนนี้ก็แทบจะไม่รอด พระองค์ยังจะบอกว่าจะให้ทำ
งานที่ยิ่งใหญ่

วันนี้ถ้าใครกำลังเผชิญอะไรก็ตามเช่นเดียวกันนี้ พระเจ้ามีคำถามสำหรับ
เราคือ อะไรอยู่ในมือคุณ อย่าคิดว่าเราไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ก็สิ่งที่อยู่
ในมือเรายังไง คำถามที่เราต้องตอบและมองดูคือ เราถืออะไรอยู่ล่ะ
เคยไหมที่เราก็ลืมคิดว่าในมือเรายังมีอะไรอยู่ นั่นแหละเอาออกมาตอนนี้ !

เราท้อแท้หรือ สิ้นหวังหรือ ในอดีตที่เราสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปสิ่งที่เรา
รักไปหรือกังวลกับอนาคตในวันข้างหน้า หรืออาจจะคิดว่าตัวเองไร้ค่าสิ้นดี
อีกครั้ง จงมองดูที่มือของเราเอง สิ่งใดที่เรามีตอนนี้ นั่นแหละคือสิ่งที่
พระเจ้าต้องการ

จงเบนสายตาออกจากสิ่งที่ทำให้เราจมดิ่งลง เลิกจดจ่อกับอดีตและอนาคต
และเบนสายตามาที่พระเจ้าที่รอจะช่วยเรา นำเราไปและจูงมือเราเดินไปข้าง
หน้า เบนสายตามาที่พระองค์
อพยพ 4:1-5
1โมเสสจึงทูลตอบว่า   แต่พระองค์เจ้าข้า   เขาจะไม่เชื่อ
ข้าพระองค์หรือฟังเสียงของข้าพระองค์   เพราะเขาจะว่า  
'พระเจ้ามิได้ทรงปรากฏแก่ท่านเลย'

2พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า  อะไรอยู่ในมือของเจ้า  
ท่านทูลว่า  ไม้เท้า  พระเจ้าข้า

3พระองค์ตรัสว่า   โยนลงที่พื้นดินเถิด   ท่านจึงทิ้งไม้เท้าลง
บนพื้นดิน   ไม้เท้านั้นก็กลายเป็นงู   โมเสสก็เดินหลบหนีงูไป
4พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า   เอื้อมมือจับหางงูไว้   (พอท่าน
เอื้อมมือจับหางงู   มันก็กลายเป็นไม้เท้าอยู่ในมือของท่าน)
5เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เชื่อว่า   พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา  
พระเจ้าของอับราฮัม   พระเจ้าของอิสอัค   และพระเจ้าของยาโคบ  
ทรงปรากฏแก่เจ้าแล้ว  

ก่อนหน้านั้น โมเสสมีความกลัวขาดความมั่นใจในพระเจ้าที่อยู่ตรงหน้า
เขาไม่ได้มองดูที่พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่าฟาโรห์เขามองว่าตัวเองไม่มีอะไรจาก
อดีตที่เจ็บปวดของเขาและเขาไม่พร้อมจะกลับไปอีกครั้ง เขามองว่าตัวเองต่ำ
ต้อย เขากลัวและดูถูกตัวเอง ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ขาดความเชื่อมั่นในพระเจ้า
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ ความกระวนกระวายใจเข้ามาในตอนนั้น และกังวลในสิ่งที่พระ
เจ้าให้เขาทำ และพระองค์จะไปด้วยกับเขา เขากำลังโดนคุกคามอย่างมาก

พระเจ้าเห็นโมเสสเป็นเช่นนั้น จึงถามว่าอะไรที่อยู่ในมือเจ้า พระองค์มีจุด
ประสงค์ก็คือเบนความจดจ่อของโมเสสออกมาก่อนให้ออกมาจากสิ่งที่
กำลังคุกคามและมาจดจ่อสิ่งซึ่งอยู่ตรงหน้านั่นคือพระองค์ที่อยู่ตรงหน้า
นั่นเอง เมื่อโมเสสตอบพระเจ้าว่า ไม้เท้าอยู่ในมือของข้าพระองค์ พระเจ้า
ให้โมเสสเห็นว่าไม้เท้าที่ธรรมดาสามารถทำสิ่งที่อัศจรรย์ได้ ไม่ใช่เพราะไม้
เท้านั้นเป็นไม้เท้าที่วิเศษ แต่พระองค์ต่างหากที่ยิ่งใหญ่และอัศจรรย์เหนือ
คำบรรยายใดๆ ผู้ทำการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ได้ พระองค์ต้องการให้รู้ว่าสิ่งนี้
จะเป็นหมายสำคัญต่อผู้คนมากมายที่พบเห็น เพียงแค่ว่า จงวางใจ
จงวางใจในพระเจ้า เพราะเมื่อเราวางใจนั่นคือสะพานเชื่อมเพราะพระเจ้า
จะทำการอัศจรรย์ผ่านผู้ที่วางใจพระองค์

อย่าให้เราใช้เวลาย้อนสู่อดีตความล้มเหลวที่พลาดพลั้ง และอยากจะย้อน
กลับไปทำใหม่ หรือกังวลถึงอนาคตวันข้างหน้าและนั่งคิดจะแก้ไขและนั่ง
หาทางออกด้วยตัวเอง จนเสียเวลามากไปหรือไม่

เวลานี้พระเจ้าเรียกเราให้ทำสิ่งใหม่ ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสียและโน้มตัว
ออกไปข้างหน้า เลิกเสียใจและออกไปรับรางวัลที่พระเจ้ามอบให้ อย่ามัวแต่
ตัวสั่น

เมื่อพระเจ้าถามว่าอะไรอยู่ในมือของเรา สิ่งที่เรามีอยู่ในตอนนี้แม้มันจะเล็ก
น้อยก็จงมองดูมันและเอาออกมาให้พระเจ้า พระองค์จะใช้สิ่งที่เราคิดว่าเล็ก
น้อยในชีวิตของเราเพื่อประโยชน์และเพื่อพระเกียรติจะเป็นของพระองค์

จงมอบทั้งหมดที่เรามีทั้งชีวิตให้กับพระองค์ กลับมาและเบนสายตามาจดจ่อ
กับสิ่งที่พระเจ้าจะกระทำในชีวิตของเรา

ปล. ไม้เท้าของโมเสสนั้นเป็นไม้เท้าเช่นเดียวกันกับไม้ท้าของคนเลี้ยงแกะ
มีความยาวประมาณ 1-2 เมตร มีปลายโค้งเป็นตะขอและใช้เมื่อเดินทาง
นำฝูงแกะ และตีงูที่จะมาทำร้ายแกะ

พระเจ้าใช้ไม้เท้าธรรมดาของโมเสสเพื่อสอนโมเสส พระองค์ใช้สิ่งของธรรมดา
เพื่อจุดประสงค์ที่พิเศษ และเพื่อการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตเราอาจจะมีบาง
สิ่งที่เราคิดว่าธรรมดาซึ่งโลกนี้ไม่ยอมรับว่ามันมีประโยชน์ อย่าเหมารวมว่า
พระเจ้าจะไม่สนใจที่จะใช้คนธรรมดาอย่างเรา เพราะนั่นเป็นการขัดขวางพระ
เจ้าเราอาจจะคาดไม่ถึงว่าไม้เท้าธรรมดาของเราที่มี มีฤทธิ์อำนาจมากมาย
เพียงแต่เรายอม ยอมให้ไม้เท้าธรรมดาของเรานั้นมาเป็นไม้เท้าของพระเจ้า
ฮู้ววว…..!!! อาเมน ฮาเลลูยา

ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship